Thursday, March 29, 2012

3 วิธีเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวสวย ด้วยวิธีธรรมชาติ (Ways To Boost Natural Collagen In Your Skin)

มาเสริมคอลลาเจนให้ผิวพรรณที่ได้ผล และไม่สิ้นเปลือง ด้วยวิธีธรรมชาติกันเถอะ

คอลลาเจน เปรียบเสมือนกาวธรรมชาติที่ตรึงเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ส่งผลให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่น เปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์ ดังนั้นเมื่อคอลลาเจนเสื่อมสภาพลง ผลที่ปรากฏคือผิวหนังหย่อนคล้อย ริ้วรอยถามหานั่นเอง

การเสื่อมสภาพของคอลลาเจนตามธรรมชาตินั้นมักเริ่มต้นที่อายุ 20 ปลายๆ หรือเร็วกว่านั้นถ้าคุณสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือทานแป้งและน้ำตาลในปริมาณมากเป็นประจำ และเมื่อการเสื่อมสภาพเริ่มเห็นชัดมาก หลายๆ คนจึงสรรหาวิธีต่างๆ เพื่อฟื้นฟูคอลลาเจนให้กลับมาดีดังเดิม ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมต่างๆ หรือการฉีดคอลาลาเจนคืนสู่ผิว ซึ่งการพยายามฟื้นฟูคอลลาเจนด้วยวิธีการเหล่านี้ก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือต้องเสียเงินเสียทองจำนวนไม่น้อย

ซึ่งสำหรับวันนี้ เราจะของดเรื่องอาหารเสริมกับศัลกรรมแต่งเติมคอลลาเจนไว้ก่อนนะคะ แต่จะมาพูดถึงการเสริมสร้างคอลลาเจนด้วยวิธีธรรมชาติซึ่งคุณสามารถทำได้เองโดยไม่ยาก และไม่เสียเงินทองมากมายเลยค่ะ

1. เสริมสร้างคอลลาเจนจากภายใน

การจะเสริมสร้างคอลลาเจนให้อยู่ยั่งยืนยาวนานที่สุด ก็คงต้องย้อนกลับมาที่พื้นฐานคือการทำให้ร่างกายฟื้นฟูชั้นคอลลาเจนขึ้นมาเอง หัวใจสำคัญก็อยู่ที่อาหารการกินของเรานี่แหละค่ะ เพียงแต่การกินเพื่อเสริมคอลลาเจนนั้นไม่ได้หมายถึงการพึ่งพา “อาหารเสริมคอลลาเจน” อย่างที่เห็นกันอยู่ทั่วไปแต่เพียงอย่างเดียว เพราะคอลลาเจนเหล่านั้นมักมีโมเลกุลขนาดใหญ่ดูดซึมสู่ผิวได้ยาก และส่วนมากก็จะถูกย่อยสลายด้วยน้ำย่อยตามทางเดินอาหารไปหมด อีกทั้งอาหารที่อ้างว่าเสริมคอลลาเจนหลายๆ ชนิดยังมีน้ำตาลเป็นส่วนผสมอยู่มาก ซึ่งหากทานเยอะๆ จะยิ่งกลับทำลายคอลลาเจนเสียด้วยซ้ำ

ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดนี้อาจดูเหมือนการเสริมสร้างคอลลาเจนจะมีอุปสรรคเยอะเหลือเกิน แต่หากมองดีๆ แล้วไม่ใช่เลย การจะทำให้ผิวพรรณสดใสอ่อนเยาว์อยู่เสมอ สิ่งที่ต้องทำก็คือ การทานอาหารที่หลากหลายและมีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้ต่างๆ นั่นแหละค่ะ แต่พูดอย่างนั้นอาจจะดูกว้างไป จึงขอคัดอาหารบางอย่างที่เรียกไดว่า “ทานเพื่อเสริมสร้างคอลลาเจน” มาให้แทรกในเมนูอาหารดังนี้ค่ะ

ปลาทะเล

ปลาทะเล จำพวก ปลาแซลมอน ทูน่า หรือในถั่วอัลมอนด์ อะโวคาโด จะมีกรดไขมัน Omega – 3 สูง ทานแล้วจะช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้นแจ่มใส ช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจน คนที่ต้องการให้ผิวพรรณเปล่งปลังใน 1 วันควรมีปลาอย่างน้อย 1 มื้อ หากไม่สะดวกหรือเป็นมังสวิรัตก็ทานเป็นแบบแคปซูลวันละ 1000 มิลลิกรัมก็ได้

กระเทียม

สารซัลเฟอร์ที่มีมากในกระเทียมจะช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจน อีกทั้งยังมีสารทอรีน (taurine) และไลปออกเอซิด (lipoid acid) ที่นอกจากจะช่วยในการซ่อมแซมคอลลาเจนที่เสียหายแล้ว ยังช่วยควบคุมระดับคอเรสเตอรอลอีกด้วยค่ะ

การทานกระเทียม 2 – 3 หัวอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ก็จะทำให้คุณได้สารอาหารเหล่านี้ตามต้องการ หากเกลียดกระเทียมก็ทานเป็นอาหารเสริมแบบเม็ดได้ แต่แพงกว่ากันเยอะ ไม่อย่างนั้นก็ทานอย่างอื่นที่มีซัลเฟอร์เหมือนกันเช่น แครอทดิบ แตงกวา แคนตาลูป ก็ได้ เพียงแต่ทนทานกระเทียมบ้างสักเล็กน้อยจะได้ผลดีกว่านะคะ

มะเขือเทศ

เป็นที่รู้กันว่ามะเขือเทศมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากมาย แต่สิ่งที่ทำให้มะเขือเทศจัดเป็นอาหารชะลอความแก่ตัวสำคัญ ก็คือสารไลโคปีน (lycopene) ซึ่งจะช่วยยับยั้งเอนไซม์คอลลาจีเนส (Collagenases) ที่จะเข้าไปทำลายชั้นคอลลาเจนนั่นเองค่ะ

มะเขือเทศนั้นจะต่างจากผักชนิดอื่นๆ นิดหน่อย ตรงที่จะให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์กับเราได้มากขึ้นหากผ่านความร้อน ในขณะที่ผักอื่นๆ จะดีที่สุดเมื่อกินแบบดิบ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะกินมะเขือเทศในรูปแบบการต้ม ผัด หรืออยู่ในสลัดผักก็ได้ทั้งนั้น

นอกจากมะเขือเทศแล้ว ผักอื่นๆ ที่ไลโคปีนสูงก็ได้แก่ผักผลไม้ที่มีสีแดงทั้งหลาย เช่น พริก แตงโม สตอรเบอร์รี่ และผลไม้จำพวกเบอร์รี่ทั้งหลาย

กระดูกปลาและกระดูกอ่อนของสัตว์

ในกระดูกปลาทะเล หรือปลาตัวเล็ก และกระดูกไก่ กระดูกหมู ก็เป็นส่วนที่มีคอลลาเจนอยู่เยอะ และมีมากกว่าอาหารจำพวกผัก คุณสามารถทานกระดูกอ่อนเหล่านี้เพื่อเสริมคอลลาเจนด้วย แต่ควรทานอาหารที่มีวิตามินซีสูงร่วมด้วย เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ค่ะ

2. “วิตามินซี” ห้ามขาด

วิตามินซี เป็นสิ่งสำคัญมากที่ทำให้ร่างกายสร้างและดูดซึมคอลลาเจนได้ดีขึ้น และเป็นตัวที่ปกป้องไม่ให้คอลลาเจนจากเนื้อสัตว์ หรือคอลลาเจนที่เราบริโภคเข้าไปถูกทำลายก่อนที่ร่างกายจะได้ดูดซึม ดังนั้นหากคุณต้องการการทานอาหารตัวอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างคอลลาเจนให้ได้มากที่สุด ก็ควรทานวิตามินซีร่วมด้วยค่ะ

อาหารที่มีวิตามินซีสูงก็ได้แก่ ผักผลไม้ต่างๆ โดยเฉพาะ ส้ม แอปเปิ้ล มะนาว ผักโขม คะน้า บร็อคโคลี

3. งดพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำลายผิวพรรณ

พฤติกรรมเสี่ยงหลายอย่างก็มีผลต่อความเสื่อมโทรมของผิวพรรณ โดยปกติแล้วชั้นคอลลาเจนจะเริ่มเสื่อมสภาพลงในช่วงอายุ 20 ตอนปลาย แต่ถ้าคุณเริ่มเห็นริ้วรอยและความเสื่อมโทรมของผิวพรรณตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ หรืออายุสัก 25 ก็แสดงว่าพฤติกรรมของคุณในแต่ละวันมีส่วนเร่งให้ชั้นคอลลาเจนเสื่อมเร็วขึ้น ดังนั้นหากต้องการผิวพรรณที่อ่อนเยาว์ดูสดใสอยู่เสมอ ก็ควรปฏิบัติตามนี้ค่ะ
  • งดสูบบุหรี่
  • งดการดื่มแอลกอฮลล์ หากจำเป็นให้ดื่มแต่น้อย
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6 – 8 แก้ว
  • ลดการบริโภคน้ำตาล แป้ง ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม (น้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน)


credit: http://www.goodlywomen.com/



Tuesday, March 20, 2012

6 สุดยอดอาหารต้านริ้วรอย (foods that fight wrinkles)

6 สุดยอดอาหารที่ช่วยต่อต้านริ้วรอย

เมื่อเอ่ยถึงวิธีป้องกันและต่อต้านริ้วรอยก่อนวัยแล้ว เชื่อเลยว่าสาว ๆ ส่วนใหญ่มักจะนึกถึงผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอย หรือสารพัดสูตรพอกหน้าพอกผิวเป็นแน่ แต่สาว ๆ รู้หรือไม่คะว่า จริง ๆ แล้วการเลือกทานอาหารในแต่ละวันนั้นก็ช่วยต่อต้านริ้วรอยแห่งวัยอย่างได้ผลเช่นกัน แถมเป็นการบำรุงให้ผิวสวยเต่งตึงออกมาจากภายในด้วย แต่อาหารชนิดไหนบ้างหนอที่จะมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดริ้วรอยอย่างที่ว่ามานี้ กระปุกดอทคอมมีคำตอบมาฝากค่ะ

1. บลูเบอร์รี่ ขอพูดถึงเป็นอันดับแรกเลยอันนี้ เพราะบลูเบอร์รี่เป็นแหล่งของแอนติอ๊อกซิแดนท์ชั้นดีเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งแน่นอนว่า สาว ๆ รู้กันดีอยู่แล้วว่าแอนติอ๊อกซิแดนท์นั้นมีประโยชน์ต่อผิวมากแค่ไหนในเรื่องความเต่งตึงและชะลอการเกิดริ้วรอยของผิว ดังนั้นอย่ารอช้า มาทานบลูเบอร์รี่ต่อต้านริ้วรอยกันเถอะสาว ๆ

2. ช๊อกโกแลต ถึงช็อกโกแลตจะทำให้แฟตได้ง่ายหน่อย แต่จะบอกว่ามันมีประโยชน์ต่อสุขภาพไม่น้อยนะจ๊ะ (ถ้าทานอย่างพอเหมาะนะเออ) สาว ๆ รู้ไหมว่า ช็อกโกแลตนั้นมีส่วนช่วยให้เลือดใหญ่เวียนไปยังเนื้อเยื่อผิวมากขึ้น และยังมีส่วนช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้อีก ดังนั้นการดื่มหรือทานช๊อกโกแลตทุกวันเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่มีข้อแม้ว่าขอให้เป็นช็อกโกแลตแท้ หรือช็อกโกแลตที่ผสมน้ำตาลน้อย ๆ แล้วกันนะคะ เพราะไม่งั้นนอกจากจะอ้วนง่ายแล้ว การทานของหวาน ๆ เยอะ ๆ ยังทำลายผิวด้วย

3. กีวี หรือสตรอเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีแอนติอ๊อกซิแดนท์ช่วยเรื่องผิวพรรณอ่อนเยาวส์ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว และยังเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยบำรุงผิว นอกจากนี้ยังให้ความชุ่มชื้นต่อผิว ทำให้ผิวเต่งตึง ไร้ริ้วรอยไปนานเลยล่ะ

4. หอยนางรม เป็นแหล่งรวมของสังกะสีชั้นดี ที่ช่วยปรับสภาพและฟื้นฟูผิว ช่วยในเรื่องของการสร้างคอลลาเจนในผิว และยังมีแอนติอ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวเต่งตึงอีกด้วย และนอกจากจะดีต่อผิวแล้ว การทานหอยนางรมยังช่วยในการบำรุงเล็บ หนังศีรษะ ทำให้ผมสุขภาพดี และยังช่วยในการมองเห็นด้วยนะ แหม่ อุดมไปด้วยประโยชน์อย่างนี้ ไม่น่าพลาดเนอะ

5. มะเขือเทศปั่น มะเขือเทศนั้นเป็นแหล่งของไลโซปีนซึ่งช่วยในเรื่องของการป้องกันผิวจากแสงแดดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ดังนั้น ถ้าพอมีเวลาในแต่ละเช้าหรือเย็น ลองนำมะเขือเทศมาปั่นกับน้ำแข็งทานแบบชื่นใจ ๆ นอกจากจะได้ความสดชื่นไปแล้วยังมีผิวพรรณดีอีกด้วยนะเอ้า

6. ปลาแซลมอน เป็นอาหารที่หาทานได้ง่าย ๆ และยังมีประโยชน์สุด ๆ ด้วยโอเมกา 3 ที่มีอยู่เยอะนี่แหละ ที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น และลดการอักเสบในชั้นเซลล์ผิวด้วย และแน่นอนว่าคุณสมบัตินี้แหละที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ยาก

อย่างไรก็ดี อาหารเหล่านี้ก็ควรจะทานควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพให้ดีที่สุด และการหลีกเลี่ยงปัจจัยทำลายผิวให้มากที่สุดด้วยนะคะ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผิวสวยอ่อนเยาว์ไร้ริ้วรอยอยู่กับคุณไปนาน ๆ ไม่ต้องมากุมขมับวิ่งหาผลิตภัณฑ์ให้ยุ่งยากตอนที่มันปรากฎขึ้นบนผิวค่ะ


credit: http://www.siamnarak.com/

Friday, March 9, 2012

วิตามินซี วิธีเพิ่มกลูต้าไธโอนตามธรรมชาติ (Raising glutathione with natural vitamin C)

การเพิ่มกลูต้าไธโอนตามธรรมชาติด้วยวิตามินซี

กลูต้าไธโอน เป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง มีคุณสมบัติช่วยปกป้องเซลล์เนื้อเยื่อในร่างกาย และเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ดีมากเมื่อเทียบกับวิตามินซีและอี ในทางการแพทย์นั้น กลูต้าไธโอนถูกนำมาใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบเส้นประสาทบกพร่องเช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ แต่ในปัจจุบัน กลูต้าไธโอน ถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงามด้วยการทานบ้าง ฉีดบ้าง เพื่อหวังว่าผู้ที่รับสารนี้เข้าไปจะมีผิวขาวอมชมพู

กลูต้าไธโอนทำให้ขาวขึ้นได้จริงไหม

สารกลูต้าไธโอนนั้นจะมีผลข้างเคียงที่จะยับยั้งการสร้างเม็ดสีให้ผิวหนัง และเปลี่ยนจากเซลล์ผิวสีน้ำตาลเป็นสีขาว เพียงแต่การทานกลูต้าไธโอนเข้าไปตรงๆ เลยนั้นจะไม่ได้ผลเพราะระบบทางเดินอาหารไม่สามารถดูดซึมได้ ทานเข้าไปยับไงก็ถูกขับออกมาหมด วิธีที่ได้ผลก็คือการฉีดเข้าเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อ แต่ก็จะได้ผลแค่ชั่วคราวเท่านั้น ทำให้ต้องกลับมาฉีดบ่อยๆ และหากได้รับในปริมาณมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายเช่น ผิวหนังแดง แพ้ง่าย หอบหืดหายใจไม่ทัน แน่นหน้าอก ยิ่งคนที่มีประวัติเป็นโรคหอบหืด ภูมิแพ้อยู่แล้วอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้

จะเพิ่มกลูต้าไธโอนด้วยวิตามิน C ได้อย่างไร


มีการศึกษาพบว่าผู้ที่ได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอเป็นประจำก็มักจะมีระดับกลูต้าไธโอนอยู่ในเลือดสูง ซึ่งก็มีผลคล้ายคลึงกับการฉีดเข้าเส้นเลือด ถึงอาจไม่เห็นชัดเร็วเท่ากันแต่ปลอดภัยกว่าแน่นอน ด้วยเหตุนี้เราก็พอจะพูดได้ว่า การทานวิตามิน C ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น เพราะจริงๆ แล้ววิตามิน C ได้ช่วยเพิ่มระดับกลูต้าไธโอนในเลือดนั่นเอง (และมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบอีกนะคะ แต่วันนี้เอาแค่ประเด็นนี้ก่อน)

ผักผลไม้ที่มีวิตามิน C สูงและมีกลูต้าไธโอนก็ได้แก่ แตงโม สตรอเบอร์รี่ อโวคาโด องุ่น ถ้าเป็นผักก็คือบรอคโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง แต่ก็ไม่แนะนำให้ไปซื้อวิตามิน C เสริมมาทานเยอะๆ เพื่อหวังผลให้ขาวเร็วขึ้นหรอกนะคะ เพราะปกติวิตามินตามธรรมชาติก็ดูดซึมง่ายและหาง่ายอยู่แล้ว ซื้ออาหารเสริมมาก็เป็นการสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ และทานเยอะเกินไปก็ใช่ว่าจะดีนะ


credit: http://www.goodlywomen.com/


Friday, March 2, 2012

เมนู "ไข่เจียวเห็ดโคนหลวงผักโขม" (Japanese Brown Beech Mushroom Omelet)

วันนี้เรามีเมนูเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นอาหารที่ทำง่ายมากๆ นั่นคือไข่เจียว แต่เรามาทำไข่เจียวธรรมดาๆ ให้กลายเป็นเมนูที่น่ารับประทาน สำหรับทุกคนในบ้านกันดีกว่าค่ะ แต่ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำอาหาร เรามารู้จักกับเห็ดที่เราจะใช้ทำเมนูในวันนี้กันก่อนค่ะ

เห็ด Japanese Brown Beech Mushroom หรือ เห็ด Bunashimeji ในเมืองไทยเรียก "เห็ดชิเมจิ" (shimeji) - เห็ดชิเมจิ พบในป่าแถบประเทศญี่ปุ่น ลักษณะดอกเล็ก โตเป็นกระจุก และเห็ดชิเมจิไม่สามารถทานสดได้ โดยจะมี 2 พันธ์ คือ

1. เห็ดโคนหลวง (Brown buna-shimeji) เป็นเห็ดชิเมจิ ที่มีดอกเห็ดเป็นสีน้ำตาล
เห็ดโคนหลวง เป็นเห็ดเมืองหนาวอีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมเพาะเป็นการค้าและมีราคาแพง ในญี่ปุ่นเรียกว่า Yamabiko Hon-shimeji หรือ Buna-shimeji มีชื่อสากลว่า Hypsizygusmarmoreus เนื่องจากเป็นเห็ดที่มีโคนก้านดอกใหญ่ มีสีและเนื้อแน่นคล้ายเห็ดโคนจึงได้ชื่อว่าเห็ดโคนหลวง มีลักษณะเด่นที่หมวกเห็ด จะมีรอยจุดน้ำหรือลายหินอ่อน แต่ถ้าได้รับความชื้นสูงสม่ำเสมอ ลายหรือรอยจุดน้ำนี้จะไม่ปรากฏ หมวกเห็ดมีสีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลอมดำหรือสีเทาดำ ก้านดอกสีขาวอมน้ำตาลอ่อน ยาว 5-10 ซม. เป็นเห็ดที่ชอบอากาศเย็นและชื้น ขึ้นเป็นกลุ่ม มีรสชาติอร่อย เนื้อแน่นกรุบ ประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น ผัดน้ำมันหอย ต้มยำ และแกงจืด เป็นต้น

2. เห็ดชิเมจิขาว (White buna-shimeji) เป็นเห็ดชิเมจิ ที่มีดอกเห็ดเป็นสีขาว หรือเรียกว่าเห็ด Bunapi-shimeji ก็ใช่เหมือนกัน

ไข่เจียวเห็ดโคนหลวงผักโขม

ส่วนประกอบ (สำหรับ 2 ที่)

- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
- เห็ดโคนหลวง หรือเห็ดชิเมจิ หั่นรากทิ้งไว้โคน 1 ถ้วย
- ผักโขมหั่น 1 ถ้วย
- ไข่ 3 ฟอง
- ซีอิ้วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ เล็กน้อย
- พริกไทยดำ เล็กน้อย
- ชีสบด (mozzarella cheese) 2 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเทศหั่นลูกเต๋า 1/2 ลูก

วิธีทำ

1. ตอกไข่ลงในชาม พร้อมด้วยพริกไทย และเกลือ ตีให้เข้ากัน

2. ตั้งกะทะ*ด้วยไฟกลางถึงไฟแรง เทน้ำมันมะกอก 1/2 ช้อนโต๊ะลงในกะทะ จากนั้นรอจนน้ำมันร้อนได้ที่ ใส่เห็ดและผักโขมลงผัดประมาณ 2 นาที หรือจนผักสุก ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน เสร็จแล้วตักขึ้นพักไว้

3. นำกะทะ*ใบใหม่ตั้งไฟ (หรือจะใช้กะทะใบเดิมก็ได้ แต่ควรล้างกะทะให้สะอาดเสียก่อน) ตั้งไฟกลางถึงไฟแรงเช่นเดิม เทน้ำมันมะกอกที่เหลือลงกะทะ รอให้ร้อน จากนั้นเทไข่ลงกะทะแล้วหมุนกะทะให้ไข่แผ่ออกเป็นวงกลมทั่วกะทะ

4. เมื่อไข่ใกล้สุกให้กลับไข่ เพื่อให้ไข่ด้านบนได้โดนความร้อนของกะทะ เมื่อไข่สุกทั้งสองด้านดีแล้ว เบาไฟ และให้ใส่เห็ดและผักโขมที่เราผัดพักไว้ ลงบนไข่เจียวที่อยู่ในกะทะ โรยด้วยชีสให้ทั่ว จากนั้นพับไข่ครึ่งหนึ่ง โดยให้ไข่เจียวเป็นรูปครึ่งวงกลม ตักใส่จาน โรยด้วยมะเขือเทศหั่นลูกเต๋าที่เตรียมไว้ พร้อมเสริ์ฟ


* ควรเป็นกะทะเทฟลอน เพราะไม่ต้องใช้น้ำมันเยอะและอาหารจะไม่มัน ดีต่อสุขภาพค่ะ


Japanese Brown Beech Mushroom Omelet
(serves 2)

Ingredient

1 tablespoon olive oil, divided
8 ounces Hokto Brown Beech Mushrooms, ends trimmed, separated (or use other fresh Japanese mushrooms)
1 cup baby spinach
3 eggs
1/2 teaspoon soy sauce
salt and freshly ground black pepper
2 tablespoons grated cheese (any cheese of your choice)
1/2 tomato, diced

Preparation:

1. Whisk the eggs, black pepper and the salt together in a small bowl.

2. Heat a nonstick pan over medium-high and swirl in just half of the olive oil. When hot, add the mushrooms and spinach. Saute for 2 minutes until the spinach is wilted and the mushrooms are cooked through. Season with soy sauce. Remove the mixture from the pan.

3. Wipe the pan clean and return the pan to the stove over medium-high heat and swirl in the remaining half of the olive oil. When hot, pour in the eggs and swirl the pan to let the eggs spread evenly over the entire surface of the pan. Season with salt and pepper.

4. As soon as the egg begins to set, lift the pan and tilt to let any of the uncooked egg sitting on top pour to the edge of the pan to cook. When the omelet is cooked through, spoon in the mushroom and spinach, top with the grated cheese and fold over the omelet and dish out on a plate. Top the omelet with the diced tomato.


credit:
http://newasiancuisine.com/6112-japanese-brown-beech-mushroom-omelet.html
http://www.bloggang.com
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...