Showing posts with label กาแฟ. Show all posts
Showing posts with label กาแฟ. Show all posts

Monday, March 25, 2013

การดื่มกาแฟ กับ คุณแม่ตั้งครรภ์

การดื่มกาแฟ กับ คุณแม่ตั้งครรภ์ 
(Drinking coffee during pregnancy)

เมื่อว่าที่คุณแม่ติดกาแฟ...

เรื่องนี้เชื่อว่าเป็นปัญหาสำหรับหลายๆ คน เพราะบางคนติดกาแฟมากถึงขนาดไม่กินข้าวได้ แต่ขาดกาแฟเหมือนขาดใจ ชีวิตจะเหี่ยวเฉาไปทั้งวัน ทำการทำงานไม่ได้ แล้วถ้าอยู่ๆ เกิดท้องขึ้นมาล่ะ .... จะยังดื่มกาแฟได้อยู่หรือเปล่า ถ้าดื่มจะมีผลยังไงกับลูกน้อยบ้าง ... วันนี้มาดูกัน ^^

ข้อมูลจากงานวิจัยในปัจจุบันไม่พบว่ามีหลักฐานถึงความเกี่ยวโยงระหว่างการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในระหว่างการตั้งครรภ์กับความพิการของทารกในครรภ์

มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนระหว่างตั้งครรภ์ไม่ทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ แต่การให้คาเฟอีนในขนาดสูงอาจจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรม (gene mutation) เมื่อได้รับรังสี (radiation) หรือสารเคมีบางอย่างได้ นอกจากนี้พบว่าถ้าฉีดคาเฟอีนเข้าไปในกระแสเลือดของแกะ จะทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงมดลูกลดลงประมาณ 5-10%

สำหรับการศึกษาในคน ก็มีรายงานว่าการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณสูง เทียบเท่ากับการดื่มกาแฟมากกว่า 5 แก้วต่อวัน มีความสัมพันธ์กับการแท้ง

อย่างไรก็ตาม การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณปานกลาง คือ มีระดับคาเฟอีนน้อยกว่า 500 มิลลิกรัมต่อวัน "ไม่ได้เพิ่ม" อัตราการคลอดทารกน้ำหนักตัวน้อย, ภาวะโตช้าในครรภ์ หรือ การคลอดก่อนกำหนด

แต่พบว่าเมื่อเทียบกันแล้วการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนปริมาณมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อวัน ตลอดการตั้งครรภ์ จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดทารกโตช้าในครรภ์ประมาณ 1.4 เท่า เมื่อเทียบกับคนที่ได้รับปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่า 100 มิลลิกรัมต่อวัน

จากข้อมูลทั้งหมดทั้งปวง มีคำแนะนำจาก The American Dieteric Association ปี 2002 เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในระหว่างตั้งครรภ์ ควรจำกัดอยู่ที่น้อยกว่า 300 มิลลิกรัมต่อวัน คิดง่ายๆ ก็คือ ปริมาณไม่เกินการดื่มกาแฟชนิด percolated coffee (เป็นกาแฟที่ชงแบบใส่กาแฟในที่กรองแล้วให้น้ำร้อนผ่านกาแฟลงมา .. อันนี้เปิดหาเพิ่มใน Google นะคะ ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า) แก้วขนาดประมาณ 140 มิลลิลิตร 3 แก้วนั่นเอง

ปัจจุบันกาแฟมีมากมายหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีปริมาณคาเฟอีนที่แตกต่างกัน นอกจากกาแฟแล้ว โอวัลติน โกโก้ น้ำอัดลมบางชนิดก็ยังมีคาเฟอีนผสมในระดับที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้นคุณผู้อ่านอาจจะต้องสังเกตฉลากข้างบรรจุภัณฑ์หรือว่าหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าเครื่องดื่มที่เราดื่มนั้นมีปริมาณคาเฟอีนผสมอยู่เท่าไหร่

ถ้าแนะนำง่ายๆ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องดื่มซะจบเรื่อง แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆ 1 แก้วขนาด 250 มิลลิลิตรก็พอหยวนๆ ได้ ถ้ากินกาแฟไปแล้ว โกโก้ ชาเย็น ช็อคโกแลต ของวันนั้นก็หมดโควต้า ส่วนน้ำอัดลมมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อยู่แล้วแถมยังน้ำตาลเยอะอีกก็เลี่ยงซะ ทำได้แบบนี้หมอว่าก็โอเคล่ะนะ ^^

(ปล. คำแนะนำนี้สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีความเสี่ยงเท่านั้น ส่วนคุณแม่คนไหนเป็นเบาหวานหรือน้ำหนักเกินที่ต้องคุมอาหารหมดสิทธิ์นะจ๊ะนะ เดี๋ยวจะบอกว่าหมอเมษ์ให้ดื่มกาแฟได้วันละ 1 แก้วแล้วน้ำตาลขึ้น คุณหมอที่ดูแลดุเอาเค้าไม่รับผิดชอบนะ ^^)




Credit: Facebook.ใกล้มิตรชิดหมอ by หมอเมษ์



Friday, September 2, 2011

ดื่มกาแฟอย่างไร ให้ปลอดภัยกับสุขภาพ

ดื่มกาแฟอย่างไร ให้ปลอดภัยกับสุขภาพ
(How to drink coffee healthy)


เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา กาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนถูกโจมตีว่า ทำให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิต เป็นหมัน ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์แท้งได้หรือทารกน้ำหนักน้อย เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ ซีสต์ในเต้านม และกระดูกพรุน แต่ข้อมูลการวิจัยในปัจจุบันเปิดเผยว่า การดื่มกาแฟเพียงวันละ 1-2 ถ้วยนั้นปลอดภัย และอาจให้ผลดี ถ้าดื่มให้เป็น

รายงานผลการวิจัยจากฟินแลนด์และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า คนที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงการเกิดเบาหวานประเภท 2 น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม ความเสี่ยงที่ลดลงเป็นสัดส่วนกับปริมาณกาแฟที่ดื่ม และกาแฟไร้คาเฟอีนให้ผลน้อยกว่า ส่วนชาไร้คาเฟอีนและเครื่องดื่มอื่นๆที่มีคาเฟอีนไม่ให้ผลเหมือนกาแฟ แต่นักวิจัยก็เตือนว่าอย่าเพิ่งมั่นใจจนหันไปโหมกาแฟ เพราะนักวิจัยยังต้องติดตามการวิจัยอีกมาก

นอกจากนี้กาแฟยังยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคพาร์คินสัน ลดอันตรายจากตับในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคตับ ลดอาการหอบในผู้ที่มีโรคหอบหืด เพิ่มความจำ และสำหรับนักกีฬาเพิ่มความทนและความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน

สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วง นักวิจัยแนะนำให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เช่น แทนที่จะดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนซ์ (500 มล.)ในตอนเช้า ให้ดื่มเพียงครั้งละ 2-3 ออนซ์ (60-90 มล) แต่บ่อยขึ้น กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15 นาทีและจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงกว่าที่จะถูกขจัดออกจากร่างกาย

ของดีในกาแฟ

นักวิจัยของศูนย์วิจัยของศูนย์วิจัยใหญ่ในสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งมีบริษัทขายกาแฟรายใหญ่ของโลกพบว่า เมล็ดกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 4 เท่า และยังมากกว่าโกโก้ ชาสมุนไพรและไวน์แดงอีก ที่มากกว่าเพราะผู้บริโภคดื่มกาแฟมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ แต่สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟแต่ละถ้วยและแต่ละยี่ห้อนั้นก็ไม่เท่ากันขึ้นกับชนิดของกาแฟ

กาแฟพันธุ์โรบัสต้า

กาแฟโรบัสต้า (Robusta) มีสารต้านอนุมูลอิสระและคาเฟอีนมากกว่าพันธ์อราบิก้า (Arabicas) ถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นผลมาจากวิธีการคั่วกาแฟ และปริมาณกาแฟที่ละลายแต่ละถ้วย รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับวิธีการชงกาแฟ ระยะเวลาและปริมาณกาแฟที่ใช้ด้วย

ข้อควรระวังในกาแฟ

คอกาแฟอย่าเพิ่งย่ามใจกับข้อมูลด้านดีๆ เพราะองค์ประกอบหลักของกาแฟคือสารคาเฟอีน ซึ่งเป็นเป็นสารกระตุ้น จึงมีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจพอสมควร โดยทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพิ่มความดันโลหิต และทำให้หัวใจเต้นผิดปกติในบางครั้ง งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโทรอนโทเปิดเผยว่า การดื่มกาแฟมากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันในผู้ที่มียีนขจัดคาเฟอีนช้า ทำให้คาเฟอีนอยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น แต่สำหรับคนที่มียีนปกติที่ขจัดคาเฟอีนได้เร็วกาแฟก็จะไม่มีผล

ถึงอย่างไรนักวิจัยก็เชื่อว่าการดื่มเพียง 1-2 ถ้วยจะไม่มีผลต่อการเกิดหัวใจวายเฉียบพลันไม่ว่ามียีนอย่างไร แต่การดื่มวันละ 4 แก้วขึ้นไปไม่ให้ผลดีขึ้น ดังนั้น ควรดื่มแต่พอควร เพราะปัจจุบันการตรวจยีนยังไม่ได้มีใช้กันเหมือนการตรวจสุข ภาพทั่วไป และยีนที่แตกต่างกันทำให้ผลการวิจัยทางโภชนาการที่สัมพันธ์กับโรคต่างๆ ที่ออกมามีข้อมูลขัดแย้งกันจนเกิดความสับสน

ส่วนผลของกาแฟต่อสุขภาพผู้หญิงก็ยังไม่มีผลวิจัยชัดเจน ว่าจะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านม ซีสต์ในเต้านมหรือกระดูกพรุนหรือไม่ การเดินสายกลางจึงดีที่สุด ผู้ที่ดื่มกาแฟสกัดคาเฟอีน อาจคิดว่าปลอดภัย แต่นักวิจัยเตือนว่า กาแฟสกัดคาเฟอีนอาจเพิ่มระดับกรดไขมันในเลือดให้สร้างแอลดีแอล ซึ่งเป็นคอเลสเทอรอลตัวร้ายได้ เพราะในกระบวนการสกัดคาเฟอีนจะสกัดเอาสารเฟลโวนอยด์ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสารอื่นๆ ที่ให้รสชาติกาแฟแท้ๆ ออกไปด้วย นอกจากจะอร่อยน้อยลงแล้วยังมีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย

ข้อควรปฎิบัติในการดื่มกาแฟ

เลี่ยงกาแฟที่ใช้หม้อต้มแบบสไตล์สแกนดิเนเวีย เพราะจะมีสารไดเทอร์พีนสูง เพิ่มระดับคอเลสเทอรอลในเลือด ควรเลือกกาแฟสำเร็จรูปที่ละลายน้ำ หรือชนิดกรองหยด และเอสเพรสโซ ซึ่งจะมีผลน้อยกว่า

ถ้าต้องเลือกกาแฟสกัดคาเฟอีน ควรเลือกชนิดที่ใช้กระบวนการสกัดธรรมชาติ (Swiss Water Process) ตรวจ สอบยี่ห้อได้จาก SwissWater.com

สำหรับผู้ที่เลี่ยงกาแฟอยู่แล้ว ไม่ควรหันมาดื่มเพียงเพื่อต้องการผลดีจากคาเฟอีน โดยเฉพาะคนที่ร่างกายไวต่อกาแฟ การดื่มอาจยิ่งเพิ่มผลเสีย เช่น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น กระวนกระวาย นอนไม่หลับ กระเพาะหลั่งกรดออกมามากเกินควร ทำให้ปวดท้อง และเป็นสารขับปัสสาวะทำให้ร่างกายเสียน้ำมากขึ้น ดังนั้นทุกครั้งที่ดื่มกาแฟควรดื่มน้ำตามไปชดเชยด้วย

ระวังสิ่งที่เติมลงในกาแฟ

เช่น ครีม นมไขมันเต็ม น้ำตาล น้ำผึ้ง เพราะเท่ากับเติมพลังงานส่วนเกิน กาแฟมาตร ฐาน 1 ถ้วย มีขนาด 5-6 ออนซ์ หรือ 150-180 มล. แต่ที่ขายโดยทั่วไปนั้นมีขนาด 12 ออนซ์ หรือ 360 มล . ซึ่งมากกว่าถึง 2 เท่า ดังนั้น ควรจำกัดการดื่มให้ไม่เกิน 5 ถ้วย ซึ่งเป็นปริมาณที่ใช้ในการศึกษาวิจัย

สารคาเฟอีนเป็นสารธรรมชาติที่พบในอาหารอื่นด้วย เช่น ใบชา เมล็ดโคลา โกโก้ ช็อคโกแลต น้ำอัดลมสีดำ และยาบางชนิด ซึ่งอาจทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนเกินควร จึงต้องตรวจสอบพฤติกรรมของตัวเองเสมอ


credit: http://www.herbdd.com/
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...