Showing posts with label brunch. Show all posts
Showing posts with label brunch. Show all posts

Friday, July 27, 2012

คำว่า บรันช์ (Brunch) มีที่มาอย่างไร?

เคล็ด(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการปรุงอาหาร และงานครัวต่างๆ
(Cooking Tips and Kitchen Tricks)

เรื่อง ของการทำอาหาร งานบ้าน งานครัว จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรารู้เคล็ดลับในการจัดการค่ะ สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านนั้นมีมากมายหลายชนิด ทุกอย่างล้วนมีความสำคัญต่อการใช้ชิวิต ดังนั้นการดูแลทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในครอบครัว โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ต้องสัมผัสกับปากโดยตรงยิ่งต้องดูแลมาก เป็นพิเศษ Food for Health Guide จึงรวบรวม ความรู้ เคล็ด(ไม่)ลับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการปรุงอาหาร ทำอาหาร และงานครัวต่างๆ เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปลองทำกันได้ง่ายๆ มาแนะนำค่ะ

......................................................................................................................................................

คำว่า บรันช์ (Brunch) มีที่มาอย่างไร ?

บรันช์ (Brunch) เป็นอาหารรวบระหว่างมื้อเช้า (breakfast) และ มื้อกลางวัน (lunch) คำก็เป็นคำรวบระหว่างสองคำ คือ Breakfast กับ Lunch (Brunch is a meal eaten between or instead of breakfast and lunch. The word is a portmanteau of breakfast and lunch.)

แรกเริ่มเดิมที คำว่า "Brunch" มาจากอเมริกา คือ การจัดอาหารเช้า และอาหารกลางวัน รวมกัน จะเสริ์ฟระหว่าง 11.00 น. จนถึง 14.00 น. (คือ 11 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 โมง) หรือให้เข้าใจกันง่ายๆ Brunch ก็คือ อาหารที่ควบเอา "อาหารมื้อเช้า" และ "อาหารมื้อกลางวัน" มารวมเป็นมื้อเดียวกันนั่นเอง



โดยปกติคนทั่วไปจะรับประทานมื้อเช้า ไม่ว่าหนักหรือเบาประมาณ 8:00 น. แล้วใช้เวลารับประทานประมาณ 15-30 นาที ซึ่งเป็นเวลาปกติของคนทั่วๆ ไป ซึ่งอาจช้าจนเริ่มประมาณ 9:00 น. แล้วก็จบภายใน 15-30 นาที  มื้อนี้เรียกว่ามื้อเช้า หรือ Breakfast

มื้อกลางวัน (Lunch) จะเริ่มเวลาประมาณ 12:00 น. แล้วจบที่เวลาประมาณ 12:30 น. แต่หากนั่งรับประทานกันไป แล้วคุยเรื่องงานหรืออื่นๆ ไป ก็อาจใช้เวลาสัก 1 ชั่วโมง

แต่ Brunch นั้นเป็นมื้อพิเศษ ตรงที่เริ่มรับประทานช้ากว่าปกติ กินมากกว่าปกติ พร้อมรวบเป็นอาหารกลางวันไปด้วยในตัว เวลากินช้า อาจจะเป็นเพราะตื่นสาย อาหารมื้อแบบนี้ไม่ใช่เป็นปกติ และไม่แนะนำสำหรับคนทั่วไป แต่มันมักจะเกิดจากช่วงเวลาพิเศษ เช่นช่วงวันหลังเฉลิมฉลองอยู่กันดึกพิเศษ แล้วทำให้ตื่นสาย แล้วไหนๆ ก็สายแล้ว ก็เลยสายต่ออีกหน่อย เลยกินมื้ออาหารแบบรวบเลยระหว่างมือเช้ากับมื้อกลางวัน

Brunch มักจะกินกันเวลาสักกึ่งกลางระหว่างมื้อเช้าและมื้อกลางวัน คือราวๆ 9:30-10:30 น. และเป็นวาระพิเศษ ร่วมกินกันหลายๆ คน จะที่บ้านหรือที่ร้านอาหาร แต่มีให้รับประทานกันมากเป็นพิเศษ หรือหากเป็นที่ร้าน ก็มักจะสั่งจานโตสักหน่อย มักจะรับประทานกันในบรรยากาศแบบผ่อนคลายสักเล็กน้อย ส่วนเครื่องดื่ม จะเป็น ชา กาแฟ น้ำผลไม้ เป็นต้น การรับประทานอาหารมื้อ Brunch ตามร้านอาหารของคนตะวันตก มักจะต้องมีกาแฟสด ซึ่งหากกาแฟไม่อร่อย อาหารก็พลอยไม่อร่อยไปด้วย

โดยมากตามโรงงแรม และร้านอาหารจะจัด Brunch เฉพาะวันอาทิตย์หรือวันหยุดเทศกาล อาหารจะมีหลากหลาย ทั้งอาหารมื้อเช้า และอาหารมื้อกลางวันรวมกัน และการจัดจะจัดแบบบุฟเฟต์ ให้แขกเลือกตักกินเองตามใจชอบ นอกจากอาหารบางอย่าง เช่น อาหารจานร้อน จะมีเชฟคอยปรุงให้แขก หรืออาหารประเภทเนื้อก้อนใหญ่ เชฟจะเป็นผู้ตัดให้แขกตามต้องการ ในการบริการจะมีเชฟและผู้บริการคอยดูแลตลอดเวลา ตามหอพักนักศึกษาของอเมริกาจะจัด Brunch ในวันอาทิตย์ ซึ่งบางคนอาจตื่นสาย นั่งกินได้ถึงบ่าย 2 - 3 โมง เลยทีเดียว กินแล้วบางคนไม่กินมื้อเย็นก็มี


ดูเคล็ดลับทั้งหมด | SEE ALL TIPS & TRICKS »


info credit: http://pracob.blogspot.com/

Friday, July 13, 2012

อาหารเช้าเมนูไข่ : ไข่เบเนดิกต์ (Eggs Benedict)


ไข่เบเนดิกต์ หรือ เอ้กเบเนดิกต์ 

(Eggs Benedict)

เป็นอาหารเช้าเมนูไข่ ที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ ประกอบด้วยไข่ลวก ขนมปัง แฮม และ ซอสฮอลแลนเดส

และยังสามารถจะรับประทานเป็น Brunch* หรือ อาหารว่างก็ได้เช่นกัน วิธีการทำโดยการนำแฮม หรือ โบโลญญ่า (Bologna) กับ ไข่ดาวน้ำ (Poached Egg) มาวางบนขนมปังครึ่งซีก เช่น English muffin หรือ Bagel แล้วราดด้วย ซอสฮอลแลนเดส (Hollandaise sauce)


หมายเหตุ

* คำว่า Brunch มีที่มาอย่างไร ?

แรกเริ่มเดิมที คำว่า "Brunch" มาจากอเมริกา คือ การจัดอาหารเช้าและอาหารกลางวันรวมกัน จะเสริ์ฟระหว่าง 11.00 น. จนถึง 14.00 น. (คือ 11 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 โมง)


โดย มากตามโรงงแรมและร้านอาหารจะจัด Brunch เฉพาะวันอาทิตย์หรือวันหยุดเทศกาล อาหารจะมีหลากหลาย ทั้งอาหารมื้อเช้า และอาหารมื้อกลางวันรวมกัน และการจัดจะจัดแบบบุฟเฟต์ ให้แขกเลือกตักกินเองตามใจชอบ นอกจากอาหารบางอย่าง เช่น อาหารจานร้อน จะมีเชฟคอยปรุงให้แขก หรืออาหารประเภทเนื้อก้อนใหญ่ เชฟจะเป็นผู้ตัดให้แขกตามต้องการ ในการบริการจะมีเชฟและผู้บริการคอยดูแลตลอดเวลา ตามหอพักนักศึกษาของอเมริกาจะจัด Brunch ในวันอาทิตย์ ซึ่งบางคนอาจตื่นสาย นั่งกินได้ถึงบ่าย 2 - 3 โมง เลยทีเดียว กินแล้วบางคนไม่กินมื้อเย็นก็มี


แหล่งที่มา : นิตยสารครัว ปีที่ 15 ฉบับที่ 174 เดือน ธันวาคม 2551 หน้า135

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

อาหารเช้าเมนูไข่ : ไข่เบเนดิกต์ (Eggs Benedict) สูตรที่ 1

ส่วนผสม

- ขนมปังอิงลิช มัฟฟิน 1 ชิ้น
- ไข่ไก่สดใหม่ 1 ฟอง
- ปลาแซลมอนรมควัน
- ผักคอส
- เนยจืดละลาย
- น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
- ไธม์ (เครื่องเทศให้ความหอม)


ส่วนผสมซอสราด ซอสฮอลแลนเดส (Hollandaise sauce)

- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ½ ถ้วย
- มายองเนส ½ ถ้วย
- มัสตาร์ด 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาวเล็กน้อย
- พริกไทย พร้อมเตรียมเครื่องทำสลัด ได้แก่ ผักร็อคเกต หน่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศเชอร์รี่ น้ำบาซามิก และน้ำมันมะกอก

วิธีทำ

หลังจากได้ส่วนผสมทั้งหมดแล้ว เริ่มลงมือหั่นครึ่งขนมปังอิงลิช มัฟฟิน จากนั้นตอกไข่ใส่ถ้วย ต้นน้ำให้เดือดอ่อนๆ ใส่น้ำส้มสายชูคนให้เข้ากัน เป็นเทคนิคให้ไข่จับตัวเป็นก้อน จากนั้นคนเร็วๆ ให้น้ำวน เทไข่ใส่ลงไปทิ้งไว้ 2-3 นาที เมื่อสุกตักใส่ในน้ำเย็นพักไว้

ต่อมานำส่วนผสมของซอสมาผสมกันในหม้อ ตั้งไฟอ่อนๆ คนจนเนื้อหนืดข้นพักไว้ ทาขนมปังด้านที่หั่นด้วยเนยจืดละลาย จัดวางบนจานตามด้วยผักคอส แซลมอนรมควัน ตักไข่ขึ้นมาซับน้ำออกด้วยกระดาทิชชูแล้ววางทับก่อนตักซอสราด โรยใบไธม์และพริกไทย จัดวางข้างจานด้วยหน่อไม้ฝรั่ง และเพิ่มไฟเบอร์ให้กับร่างกายด้วยการทำสลัดเป็นเครื่องเคียง


อาหารเช้าเมนูไข่ : ไข่เบเนดิกต์ (Eggs Benedict) สูตรที่ 2
(สำหรับ 4 ที่)
ส่วนผสม

- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำส้มสายชูไวท์ขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่สด 8 ฟอง
- ขนมปังหั่นเป็นแผ่นๆ 8 แผ่น
- แฮมสไลซ 300 กรัม
- ผักร๊อกเกต 1 ถ้วยตวง

ส่วนผสมซอสราด ซอสฮอลแลนเดส (Hollandaise sauce)

- น้ำส้มสายชูไวท์ขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ไวท์ขาว ¼ ถ้วยตวง
- เมล็ดพริกไทยดำ ½ ช้อนชา
- ไข่แดง 3 ฟอง
- มะนาวเหลือง 1 เสี้ยว
- เนยสดชนิดเค็ม 150 กรัม

วิธีทำ ซอสฮอลแลนเดซ

1. ผสมน้ำส้มสายชูไวท์ขาว ไวท์ขาว และเมล็ดพริกไทยดำ ลงในหม้อ ใช้ไฟอ่อน ต้มจนส่วนผสมเหลือประมาณครึ่งหนึ่ง นำออกจากเตา แล้วกรองเอาแต่น้ำ เตรียมไว้

2. นำเนยสดชนิดเค็มใส่หม้อ ตั้งไฟจนละลาย และเห็นเป็นเนยละลายใสๆ กับตะกอนเนยแยกชั้นกัน ตักแต่เนยละลายใสๆเก็บไว้ใช้ ทิ้งส่วนที่เป็นตะกอนไป

3. ตีไข่แดง และ น้ำส้มสายชูไวท์ขาว เข้าด้วยกัน แล้วนำไปตั้งบนหม้อใส่น้ำพอประมาณ แต่ระวังอย่าให้น้ำแตะก้นชาม ใช้ไฟอ่อนๆ แล้วใช้ที่ตีไข่คนไปเรื่อยๆจนข้นเป็นครีม และ สีอ่อนลง แต่ระวังอย่าให้ไข่จับเป็นก้นหรือสุก นำออกจากเตา แล้วค่อยๆเติมเนยละลายที่เตรียมไว้ที่ละน้อย ใช้ที่ตีไข่ คนไปเรื่อยๆ ทำเช่นนี้จนเนยละลายหมด แล้วบีบมะนาวเติมลงไปเล็กน้อย

เตรียมไข่

1. ต้มน้ำในหม้อจนเดือด เติมเกลือ และน้ำส้มสายชูไวท์ขาว ตอกไข่ใส่ชามแล้วเทใส่หม้อทีละลูก ใช้ทัพพีคนน้ำไปรอบๆแต่อย่าให้โดนไข่ ต้มนานประมาณ 3 นาที ดูจากไข่ขาวสุกแต่ไข่แดงยังไม่สุก หลังจากนั้น ช้อนไข่ขึ้น แล้วสะเด็ดน้ำบนจานรองด้วยกระดาษทิชชู

2. ปิ้งขนมปังในที่ปิ้งขนมปัง หรือ ปิ้งบนกระทะ โรยด้วยน้ำมันมะกอกบนขนมปัง

จัดเสริฟโดยการ เรียงขนมปังปิ้ง วางทับด้วยแฮมสไลซ ไข่ลวก ซอสฮอลแลนเดซ และโรยด้วยผักร๊อกเกต


......................................................................................................................................................

Eggs Benedict
(Serving for 4 persons)

Ingredient
1 tsp of salt
2 tbsp of white vinegar
8 eggs
8 sliced bread
300 g Ham (Sliced)
1 cup of rocket

Hollandaise sauce
1 tbs of white vinegar
¼ cup of white wine
½ tsp of cayenne pepper
3 egg yolks
1 slice of lemon
140 g of salted butter

Method


How to make Hollandaise sauce:
1. In a saucepan, add white vinegar, white wine, and cayenne pepper. Slow cook until the mixture decrease to the half amount. Remove from the heat. Strain through the fine-mesh.

2. Melt salted butter in a saucepan until it separate into 2 layers. Use only the clear butter oil on top.

3. Whisk egg yolks and white vinegar together with double boiled technique. Whisk until the sauce is creamy and light in color. Remove from the heat. Add the butter oil bit by bit. Add lemon juice in to the sauce. Mix well.

How to poach an egg:

1. Use a saucepan. Add water and wait until water is boiling. Add white vinegar into the water.

2. Break the egg in a bowl and carefully place it in the saucepan one by one.

3. Wait until egg is cooked nicely approximately 3 minutes

4. Once the eggs have been cooked they should be drained on kitchen towel to remove any excess water before serving.

5. Toast the bread in the toaster or skillet. Drizzle our toast with some olive oil over the bread.

To serve:
Serving by laying toast at the bottom, layer with sliced ham, poached egg, and finally spoon the warmed Hollandaise sauce over the egg. Top with rocket. Serve immediately.



Hope you enjoy the recipe..Bon appetit!




ที่มาสูตรอาหาร
http://www.foodcookrecipe.com/
http://cookingforhope.blogspot.com/2010/06/recipe-9-egg-benedict.html

ภาพจาก internet
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...