ผักอินทรีย์คือผักปลอดสารพิษหรือเปล่า?
ข้อมูลที่สับสน
หากคุณไปเดินตลาดในยุคนี้จะพบว่า ผักที่ขายในท้องตลาดมีป้ายกำกับหลายอย่าง จนคุณอาจสับสนว่ามันเหมือนกันหรือไม่?
ผักอินทรีย์ หรือ ผักออแกนิค
ปลูกโดยวิธีเกษตรอินทรีย์ เกษตรอินทรีย์ คือระบบการผลิตที่รักษาสมดุลของธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ และหลีกเลี่ยงการใช้สารสังเคราะห์ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและฮอร์โมนต่างๆ ตลอดจนไม่ใช้พืชหรือสัตว์ที่เกิดจากการตัดต่อทางพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) เน้นใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด และปุ๋ยชีวภาพปรับปรุงบำรุงให้อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้ต้นพืชแข็งแรง ต้านทานโรคและแมลงด้วย ผลผลิตที่ได้จึงไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค และไม่ทำลายสภาพแวดล้อม
มีการตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์อยู่เป็นระยะๆ โดยหน่วยงานรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เช่น สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) ซึ่งได้รับการรับรองจาก IFOAM เป็นหน่วยงานรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
ผักไร้สารพิษ/เกษตรธรรมชาติ
ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี และปุ๋ยเคมี แต่ข้อกำหนดไม่เข้มข้นเท่าเกษตรอินทรีย์ และไม่มีการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
ผักอนามัย ผักปลอดภัยจากสารพิษ ผักปลอดสารพิษ
ยังคงใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมีในการปลูกอยู่ เพียงแต่มีการเว้นระยะเก็บ จึงยังคงมีสารพิษตกค้างอยู่แม้จะไม่เกินค่าที่มาตรฐานกำหนด นอกจากนี้ยังไม่ห้ามใช้พืชผักจีเอ็มโอ
ผักไฮโดรโพรนิกส์
ปลูกโดยไม่ใช้ดิน แต่ใช้น้ำ โดยใส่สารอาหารไว้ในน้ำ ซึ่งถือเป็นสารเคมีที่ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์ และมนุษย์เป็นผู้กำหนดการให้สารอาหารต่อพืช ผักไฮโดรโพรนิกส์จึงไม่ใช่ผักอินทรีย์ (Organic) หรือแม้กระทั่งผักไร้สารเคมี (non-chemical) อย่างที่คุณเคยเข้าใจ
ข้อดีของการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน หรือ พืชออแกนิกส์
- สามารถทำการเพาะปลูกพืชได้ทุกสภาวะ ไม่ว่าจะเป็นในที่ที่ดินดีหรือไม่ดี หรือสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะต่อการเพาะปลูก เราก็สามารถใช้วิธีไฮโดรโปนิกนี้ ได้
- ให้ผลผลิตต่อพื้นที่สูงกว่า ร่นระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว ทำการผลิตได้สม่ำเสมอและต่อเนื่อง
- สามารถปลูกพืชเชิงธุรกิจได้หลากหลายชนิด
- ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับศัตรูพืชที่เกิดจากดิน จึงไม่ต้องใช้สารพิษเพื่อกำจัดแมลง เป็นระบบปลูกพืชที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ให้ผลผลิตที่สดสะอาด ปราศจากสารพิษทั้งจากดินและย่าฆ่าแมลง จึงบริโภคได้อย่างมั่นใจ
- ผลผลิตได้ปริมาณ คุณภาพและราคาดีกว่าปลูกบนดินมาก เพราะสมารถควบคุมสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของพืชได้ดีกว่า
- อัตราการใช้แรงงาน เวลาในการปลูก และค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
- ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเตรียมดิน และกำจัดวัชพืชก่อนการปลูก
- ใช้น้ำและธาตุอาหารได้อย่างประหยัด คุ้มค่า และมีประสิทธิภาพ เช่น ใช้น้ำลดลงถึง10 เท่าตัวของการปลูกแบบธรรมดา
- ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสารป้องกันและจำกัดแมลงได้ 100%
- ประหยัดค่าขนส่ง เพราะสามารถเลือกพื้นที่ที่จะปลูกใกล้กับแหล่งรับซื้อได้ เนื่องจากใช้พื้นที่ในการปลูกไม่มาก
- มีวิธีการปลูกและการดูแลรักษาง่าย ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ หรือแม้แต่คนพิการก็สามารถทำได้เป็นกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว และทางเลือกในการเพิ่มอาชีพให้แก่ผู้ด้อยโอกาส เช่น คนพิการอีกด้วย
ส่วนในประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) ระบุถึงข้อแตกต่างระหว่างอาหาร Organic และ Natural ไว้ดังนี้
Organic is..
A system of farming -- regulated by the U.S. Department of Agriculture -- that doesn't use most conventional pesticides, fertilizers or added hormones. It's easier on the environment and foods may offer more nutrients.
Organic is regulated by the USDA.
Natural is...
Products shouldn't contain artificial ingredients or chemical preservatives, but they may have pesticides and hormones. The federal government does't regulate natural foods, except in the case of some meat and poultry.
credit:
http://www.saijaihealthyfood.com/index.php/know-more-about-organic-food.html
http://www.kasetorganic.com/ผักออแกนิค-มีประโยชน์.html