ปัจจุบันเทรนด์ เครื่องดื่มคลายเครียด (Relaxation beverage) เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยเครื่องดื่มเหล่านี้จะมีส่วนผสมของพืชหรือสารสกัดต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น เมลาโตนิน, ธีอะนีน (ซึ่งเป็นอะมิโนแอซิดที่พบอยู่ในชาเขียว) คาโมไมล์ passion flower, Valerian root, rose hips รวมถึงวิตามินบีต่าง ๆ ตามแต่สูตรของเจ้าไหนจะใส่อะไร มีสรรพคุณเพื่อผ่อนคลาย ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
เป็นที่น่าประหลาดใจว่าตลาดของเครื่องดื่มคลายเครียดทั้งหลายเหล่านี้ เติบโตขึ้นพรวดพราดจนน่าตกใจ มีตัวเลขที่ทางผู้ผลิตเครื่องดื่มเปิดเผยออกมา อย่างเช่น Drank ที่เผยยอดจำหน่ายในปี 2008 ว่าเติบโตขึ้นถึง 198% ส่วน Vacation in a Bottle ก็เผยตัวเลขยอดจำหน่ายในปี 2009 ของตนว่าเพิ่มขึ้นเกือบ 200% เลยทีเดียว
ในสหรัฐอเมริกา มีเครื่องดื่มคลายเครียดขายในตลาดเกือบ 100 ประเภทเลยทีเดียว และต่างมีชื่อเรียกมากมาย อาทิ Vacation in a Bottle, Mary Jane”s Relaxing Soda, Dream Water, Drank Mini Chill และ iChill เป็นต้น ด้วยราคาขายต่อขวดเฉลี่ยประมาณ 4-5 ดอลลาร์ และมีขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ทำให้ใครก็ได้สามารถหยิบเครื่องดื่มเหล่านี้มาดื่มได้ โดยเฉพาะคนที่ (คิดว่าตัวเอง) เครียด แทนที่จะไปซื้อยาคลายเครียด หรือทานยานอนหลับ การดื่มเครื่องดื่มคลายเครียดกลับเป็นทางออกของคนอเมริกัน
“ผู้คนในปัจจุบันต่างแสวงหาเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ”
Keith Whitlock ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารของเครื่องดื่ม Slow Cow กล่าวผ่านอีเมล์เพื่ออธิบายว่าผลิตภัณฑ์ของเขานั้นมีส่วนผสมของสารสกัดจาก ธรรมชาติ เช่น คาโมไมล์, ฮอปส์, valerian และกรดอะมิโน แอล-ธีอะนิน ที่เขากล่าวว่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในด้านสมาธิ ความจำ และการเรียนรู้ได้ด้วย
นักการตลาดหลายคนมองว่าเครื่องดื่มคลาย เครียดกำลังจะมาแทนที่เครื่องดื่มบำรุงกำลังในอเมริกาเหนือ อย่าง Red Bull, Monster Energy และ Rockstar เช่น Slow Cow เครื่องดื่มคลายเครียดที่มีโลโก้เป็นรูปวัวล้ม (เหมือนจะทำมาล้อกับโลโก้ของ Red Bull) ในช่วงปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เปิดตัวสามารถขายได้ 1.2 ล้านกระป๋องในแคนาดา ....ฟังดูน่าสนใจ !
แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีข้อสงสัยด้านคุณประโยชน์ของเครื่องดื่มเหล่านี้ว่า “ดื่มแล้วคลายเครียดได้จริงหรือไม่?” “นอนหลับได้ดีแค่ไหน?” และที่สำคัญจะ “มีผลข้างเคียงหรือเปล่า?”
มีการศึกษาส่วนประกอบที่ใช้ในเครื่องดื่มแต่ละยี่ห้อ Natural Standard Research Collaboration มหาวิทยาลัย เคม บริดจ์ ได้ศึกษาวิจัยว่า หัว Kava ที่เป็นส่วนประกอบใน Mary Jane”s Soda นั้นมีสรรพคุณช่วยลดความวิตกกังวล แต่เป็นการนำเอามาใช้เพื่อรักษาโรควิตกกังวลในทางการแพทย์ ไม่ใช่เพื่อลดความเครียดโดยทั่วไป แต่บริษัท The Relaxing ผู้ผลิต Mary Jane ก็ออกมาโต้ว่า มีการทดลองแล้วว่าสามารถใช้ลดความเครียดได้จริง อย่างไรก็ตามในปี 2002 เอฟดีเอ (Food and Drug Administration) ได้เคยออกมาเตือนถึงความเกี่ยวข้องของหัว Kava ว่า อาจก่อให้เกิดปัญหากับตับได้หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งผู้ผลิตก็ย้ำว่าไม่ควรบริโภคเครื่องดื่มขนาด 12 ออนซ์ มากเกิน 2 ขวดในแต่ละวัน
สำหรับคนที่มีปัญหาด้านการนอน อาจจะมองหาเครื่องดื่มคลายเครียดที่มีส่วนผสมของเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ให้เราหลับและตื่น ซึ่งหากร่างกายผลิตเมลาโตนินได้น้อยก็จะก่อให้เกิดอาการนอนไม่หลับ (ใช้ในยานอนหลับทั้งหลาย) Aparajitha Verma ผู้อำนวยการศูนย์ความผิดปกติทางด้านการนอนหลับของ Methodist Neurological Institute ในฮุสตัน สหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงการใช้เมลาโตนินในเครื่องดื่มนั้นต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่าง ระมัดระวัง เนื่องจากวารสารของ FDA ในเดือนมกราคม 2553 ได้กล่าวว่า…นวัตกรรมการนำเอาเมลาโตนินมาใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องดื่ม นั้นไม่ได้รับการรับรองให้ใส่เอาไว้ในอาหารอย่างเป็นทางการ ซึ่งยังต้องตรวจสอบผลข้างเคียงของการนำเอาเมลาโตนินมาเป็นส่วนประกอบของ อาหารต่อไป
Caleb Ng แพทย์ด้านประสาทวิทยา แห่ง South Surrey สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เครื่องดื่มคลายเครียดนั้นมีความปลอดภัยมากกว่าเครื่องดื่มชูกำลังที่ กระตุ้นการทำงานของหัวใจและสามารถก่อให้เกิดปัญหาต่อหัวใจได้ในรายบุคคล การใช้สารประกอบจากธรรมชาติในเครื่องดื่มเหล่านั้นมีน้อยกว่าที่ใช้ในการ รักษาแบบไม่ใช้ยา จึงมีผลข้างเคียงต่อหัวใจในระดับที่น้อยมาก แต่อย่างไรก็ตามยังขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย
ในขณะที่ Meghan Walker แพทย์ประสาทวิทยา ผู้ร่วมก่อตั้ง Toronto's Integrative Health Institute ในโทรอนโต แคนาดา เชื่อว่าเครื่องดื่มคลายเครียดนั้นอาจทำให้ผิดหวังมากกว่าจะบรรเทา เนื่องจากระดับของส่วนประกอบที่มีอยู่ในเครื่องดื่มนั้นน้อยมากเกินกว่าจะ ช่วยในการรักษาใด ๆ ได้ !
บรรดาเครื่องดื่มคลายเครียดอาจจะทำให้ ผู้บริโภครู้สึกว่าตนสามารถสามารถแก้ปัญหาได้รวดเร็ว แต่แพทย์หลายคนก็ออกความเห็นว่า ทำไมเราไม่ลองที่จะปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้ดีขึ้น แทนที่จะทำตัวให้เครียดแล้วต้องมาวิ่งหาสิ่งที่คอยบรรเทาตัวเองทีหลังแบบนี้ ซึ่งทำได้ง่ายและช่วยให้ชีวิตห่างไกลความเครียดได้ดีกว่าเยอะ
credit: http://thaiuknews.wordpress.com/