Friday, February 24, 2012

บรรเทาอาการปวดประจำเดือนด้วยวิตามิน

อาการปวดประจำเดือน (Dysmenorrhea)

เป็นอาการปวดท้องน้อยในระหว่างเริ่มมีประจำเดือนถึง 8-48 ชั่วโมง เนื่องจากร่างกายมีการหลั่งสาร prostaglandin ออกมา ทำให้มีการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงมดลูกมีการหดเกร็งร่วมกับมีอาการปวดเมื่อยหลัง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายอุจจาระเหลว ปวดศีรษะ ง่วงนอน คล้ายจะเป็นลมความสนใจต่อสิ่งต่างๆ ลดลง

จะเริ่มมีอาการก่อนมีระจำเดือนไม่ กี่ชั่วโมง และเป็นอยู่ตลอดช่วง 2-3 วันแรกของประจำเดือน โดยมีอาการปวดบิดเป็นพักๆ ที่บริเวณท้องน้อย บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ใจคอหงุดหงิดร่วมด้วย ถ้าปวดรุนแรงอาจมี อาการเหงื่อออก ตัวเย็น มือเท้าเย็นได้

* ระยะก่อนมีประจำเดือน 2-3 วัน หรือระยะกำลังมีประจำเดือนมา แล้วมีอาการปวดท้องน้อย หรือปวดบริเวณเอวหรือหลัง หรือบั้นท้าย อาการจะปวดอยู่ 1-2 วัน แล้วหายไป เรียกว่าปวดประจำเดือน

* อาการปวดประจำเดือนที่ไม่อันตราย และหายเองได้ คือต้องไม่รบกวนชีวิตประจำวันหรือการงาน การเรียน ยังคงไปไหนมาไหนได้ ทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ ไม่ต้องลางานหรือพักผ่อนอยู่ที่บ้าน อย่างมากที่สุดก็ทานยาแก้ปวดประจำเดือนเช่น ยาแก้ปวดพาราเซทตามอล แอสไพริน พอนสเตน หรือยาแก้ปวดที่เป็นยารักษาอักเสบ แบบไม่ใช่สเตียรอยด์ เป็นต้น อาการปวดท้องควรจะต้องดีขึ้น หรือ ทุเลาหรือหายได้

บางรายงานการศึกษาเชื่อว่า สตรีวัยรุ่นจะไม่สุขสบาย ทุกข์ทรมานกับอาการ ปวดประจำเดือนมากกว่ากลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน แต่สตรีวัยผู้ใหญ่ หรือวัยใกล้หมดประจำเดือนจะไม่สุขสบาย ทุกข์ทรมานกับกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนมากกว่าวัยรุ่นสตรีที่มีอาการก่อนมีประจำเดือน

การปวดประจำเดือนส่วนใหญ่จะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติของสตรีวัยเจริญพันธุ์ ไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหาสุขภาพของสตรี และไม่แสวงหาการตรวจรักษาเพียงแต่ใช้วิธีในการบรรเทาอาการไปในแต่ละเดือน เช่น การนอนพักผ่อน การรับประทานยาแก้ปวด การประคบร้อน มักจะปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานเกือบ 10 ปี หรือมากกว่าจึงไปรับการตรวจรักษา ซึ่งปัจจุบันมีแนวทางในการตรวจวินิจฉัย และให้การรักษากลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน โดยการใช้ยาต่างๆ และสารอาหารที่มีแคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินบี ในการรักษา

การบรรเทาปวดประจำเดือนด้วยวิตามิน

(โดยข้อมูลจากหนังสือ คู่มือปวดประจำเดือน รักษาตนเองด้วยธรรมชาติบำบัด)

จะทำได้โดยการปรับสมดุลในร่างกายเพื่อรักษาอาการปวดประจำเดือน นอกจากจะอาศัยการปรับอาหาร การออกกำลังกาย การคลายเครียด และวารีบำบัดแล้ว การใช้วิตามินหรืออาหารเสริมก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้อาการผิดปกติของประจำเดือนทุเลาขึ้น กระทั่งหายไปเลยก็ได้ สำหรับวิตามินที่ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนมีดังต่อไปนี้

แคลเซียม
อย่างที่เรารู้กันว่าขณะที่เริ่มมีประจำเดือน ระดับแคลเซียมในร่างกายของคนเราจะลดลง เมื่อแคลเซียมมน้อย การบีบตัวของมดลูกก็จะรุนแรง ส่งผลให้ปวดท้องน้อย ดังนั้นใครก็ตามที่มีประจำเดือนมากและปวดท้องรุนแรงในวันแรก ๆ ควรกินแคลเซียมในช่วงก่อนที่จะมีประจำเดือน โดยกินประมาณวันละ 1 – 2 กรัม พอประจำเดือนหมดก็เลิกกิน

วิตามินบี 6
วิตามินบี 6 เป็นวิตามินที่มีบทบาทลดความเคร่งเครียดของร่างกายในระหว่างมีประจำเดือน รวมทั้งลดการเกิดสิวที่เกี่ยวข้องกับประจำเดือนด้วย หากใครรรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนขี้หงุดหงิด และมีสิวขึ้นมากในช่วงวันนั้นของเดือน แนะนำให้หาวิตามินบี 6 มากิน โดยกินครั้งละ 1 เม็ด ( 100 มก. ) วันละ 3 – 4 ครั้ง หากมีอาการมากก็เพิ่มปริมาณการกินเข้าไป เป็นครั้งละ 2 เม็ด แต่หากมีอาการน้อยก็กินน้อยหน่อย ทำอย่างนี้สัก 1 สัปดาห์ในช่วงที่มีประจำเดือน แล้วค่อยลดลงเป็นวันละ 2 ครั้งก็พอ หากอาการดีขึ้นหรือหายขาดก็สามารถเลิกกินได้

วิตามินบีรวม
วิตามินบีรวม เหมาะสำหรับคนขี้หงุดหงิดอีด เพราะวิตามินบีจะช่วยเรื่องการทำงานของเซลล์สมอง ไม่ให้เครียดเกินไปในขณะที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังมีประจำเดือน

ดังนั้น ใครที่ทำงานเคร่งเครียดเป็นประจำและรู้ตัวว่าเมื่อใดที่มีประจำเดือนแล้วความเครียดของตัวเองจะกำเริบ ควรกินวิตามินบีรวม แต่วิธีการกินอย่างไรนั้นให้ดูที่ข้างขวดว่าให้กินอย่างไร

ระยะเวลาการกินวิตามินบีรวมนั้น ให้กินเฉพาะก่อนมีประจำเดือน และเลิกใช้เมื่อประจำเดือนหมดก็ได้

วิตามินซีที่มีไบโอฟลาโวนอยด์
วิตามินซี จะช่วยการทำงานของต่อมหมวกไต ทำให้ร่างกายสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น ช่วยทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งอะดรีนาลินออกมาเป็นปริมาณสมดุล ทำให้ไม่เครียดเวลามีประจำเดือน แต่วิตามินซีที่จะใช้ให้ได้ผลจำเป็นต้องเป็นวิตามินซีที่มีไบโอฟลาโวนอยด์ (bioflavonoids) อยู่ด้วย หากมีแต่กรดแอสคอร์บิกอย่างเดียวแบบที่ขายตามท้องตลาดทั่วไปจะไม่ได้ผล ดังนั้นเวลาซื้อให้สังเกตุดูว่ามีส่วนประกอบของ ไบโอฟลาโวนอยด์หรือไม่

ปริมาณการกินที่เหมาะสมแนะนำให้กินแบบ 1 กรัม วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารและเที่ยง เพื่อที่ร่างกายจะได้มีวิตามินซีและไบโอฟลาโวนอยด์ใช้ในเวลากลางวันที่เราต้องอยู่กับความเครียด สำหรับการกินวิตามินซี ให้กินเฉพาะเวลาก่อนจะมีประจำเดือน และเลิกกินเมื่อประจำเดือนหมดก็ได้

อย่างไรก็ตาม อาการปวดประจำเดือนจะหายได้เพราะการปรับอาหารและเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นหลัก แต่การใช้วิตามินนั้นก็เพื่อเสริม ให้อาการทุเลาได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น หากใช้แต่วิตามินแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจเรื่องอาหารการกิน หรือออกกำลังกายเลย ก็คงจะไม่เกิดผลดีขึ้นเลย ฉะนั้นควรปรับวิถีการกินอาหารและการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยค่ะ

Thursday, February 16, 2012

10 วิธีการกินอย่างฉลาด

(10 ways to eat wisely)

ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก

1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง

2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร เป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว

4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและ กระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภท โดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ

6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล

7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%

8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย

9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ โปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด

10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้

ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย จริงไม๊ค่ะ



credit: http://www.jorpor.com/

Friday, February 10, 2012

7 อาหารชะลอความแก่

7 อาหารชะลอความแก่

อาหารที่เราจะแนะนำต่อไปนี้คืออาหาร 7 ชนิด ที่จะช่วยชะลอสัญญาณแห่งวัย ไม่ว่าจะเป็นผมร่วง ผิวแห้ง เฉื่อยชา เพื่อให้คุณ ๆ ดูอ่อนกว่าวัยได้ภายใน 3-6 เดือน มีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ...

1. หยุดผมร่วง ด้วยการรับประทานกล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินบี สามารถช่วยป้องกันผมร่วงได้ดี หากรับประทานกล้วยในปริมาณที่พอดี จะช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่หนังศีรษะได้อย่างยาวนาน

2. ลดผิวมัน ธัญญาหารล้วนอุดมไปด้วยวิตามินบี 2 ซึ่งช่วยหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกินของผลิตภายในร่างกาย ฉะนั้น การรับประทานธัญญาหารทุกเช้าจะช่วยลดปัญหาผิวมัน และเส้นผมมันบางได้ดี

3. หยุดการลอกของผิวหนัง หากรับประทานปลาแซลมอนในเกลือรมควัน อาหารทะเล หรือสลัดผักเป็นประจำ จะช่วยทำให้หยุดปัญหาการหลุดลอกของผิวหนังได้

4. ผิวเนียนใสเหมือนเด็ก ใครอยากมีผิวที่เนียนใสเหมือนเด็กทารก ให้กินมะม่วงเป็นประจำ เนื่องจากมะม่วงมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดี ช่วยกระตุ้นการสร้างผิวหนัง รวมทั้งหนังศีรษะ เพื่อทดแทนของเดิมที่หยาบแห้งและขรุขระให้กลับมีความชุ่มชื่น และนุ่มเนียนอีกครั้ง

5. ชะลอผมหงอก ถั่วลิสงอบเนยรวมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหาร สามารถช่วยชะลอผมหงอกได้ เพราะถั่วลิสงมีวิตามินบี ที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีดอกเลา แถมยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นด้วย

6. ดูหนุ่มสาวขึ้นอีก 5 ปี ฝรั่งหรือน้ำฝรั่ง ซึ่งอุดมด้วยวิตามินซี จะช่วยเก็บรักษาคอลลาเจนที่เป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนภายใต้ผิวหนัง หรือรับประทานมะละกอ ส้ม ลูกเกดสีดำอบแห้ง ร่วมกับผลไม้อื่น ๆ เป็นประจำ ก็จะช่วยเพิ่มวิตามินซีได้ ทำให้คุณดูอ่อนกว่าวัยมากถึง 5 ปี

7. ปกป้องใบหน้าจากมลพิษ อะโวคาโด ซึ่งอุดมด้วยวิตามินบี จะช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย และร่างกายเกิดความต้านทานจากการทำลายในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งการถูกทำลายจากบรรยากาศที่มลภาวะเป็นพิษด้วย


รู้แบบนี้แล้ว ก็หันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้นนะคะ เพราะมีผลต่อสุขภาพร่างกายของคนเราโดยตรงเลยก็ว่าได้...เลือกกินสิ่งที่ดี เพื่อตัวเราเองนะคะ



credit: womencandid.com

Saturday, February 4, 2012

12 ราศีกับการรับประทาน

12 ราศีกับการรับประทาน

ในแต่ละวันคุณรับประทานอาหารเข้าไปอะไรเข้าไปบ้าง ลองทบทวนแล้วมาปรับให้เข้่ากับราศีเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองกันดีกว่าค่ะ เพราะเรามีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการกินที่ถูกวิธีสำหรับทั้ง 12 ราศี ที่คุณจะสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวคุณเองอย่างง่ายๆ ค่ะ

ราศีมังกร

ชาวราศีมังกรเป็นคนหัวโบราณและขี้เหนียว จึงมักกินอาหารประหยัด ประเภทอาหารจานเดียวซะมากกว่าอาหารราคาแพงที่จัดแต่งสวยงาม ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องอาหารการกิน...ถ้าพบว่าตัวเองเริ่มอ้วนขึ้นมานิดหน่อย ก็จะรีบลดทันที เนื่องจากชาวราศีนี้ ไม่ค่อยชอบลองของใหม่ เพราะฉะนั้นถ้าไปเจออาหารที่มีการรับรองว่าช่วยลดน้ำหนักได้ ก็จะกินแต่อย่างนั้นจนกว่าจะเห็นผล

ราศีกุมภ์

คนที่เกิดในราศีกุมภ์ รักการใช้ชีวิตที่คล่องแคล่วและดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ เนื่องจากในวันแต่ละวัน จะใช่พลังงานค่อนข้างมาก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก ชอบดื่มไวน์เคล้าอาหารเย็นรสเลิศ และถึงแม้ว่าจะกินมากแค่ไหน ก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องสุขภาพและความอ้วนเลย....แต่ถ้าเกิดอ้วนขึ้นมาบ้าง ก็คงจะไม่จำกัดเรื่องอาหารหรอก เพราะเกลียดการถูกบังคับ ชาวราศีนี้จึงเปลี่ยนเมนูอาหารสำหรับลดความอ้วนอยู่เรื่อย จนแทบไม่เห็นผล แต่ถ้าชาวราศีกุมภ์ที่อวบอ้วนตั้งใจจะควบคุมน้ำหนักอย่างจริงจังขึ้นมา นั่นเป็นเพราะไม่อยากกลับมาอ้วนอีกครั้งมากกว่า

ราศีมีน

ชาวราศีมันรักความรื่นรมย์ในชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการดื่มและการกิน จนได้ชื่อว่า กินเก่ง ชอบลิ้มลองอาหารหรือขนมขบเคี้ยวใหม่ ๆ แล้วตามด้วยมื้อใหญ่เด็ด ๆ ไปบอกให้เค้าเพลา ๆ เรื่องกิน เค้าโกรธนะ ความเจ้าอารมณ์ของชาวราศีนี้ทำให้ต้องกินเพื่อดับความเศร้า ถึงจะพยายามจำกัดอาหาร แต่ก็อดดื่มไวน์สักแก้วไม่ได้....ชาวราศีมีนของแท้ เกลียดการลดน้ำหนักที่สุดเลยล่ะ แต่ชาวราศีนี้ สามารถลดน้ำหนักได้เหมือนกัน ถ้าจำเป็นและเต็มใจ วิธีไหนนะเหรอ ก็ชิมอาหารอร่อย ๆ หลายๆ อย่าง จานละ 2-3 คำ จะได้ไม่รู้สึกว่ากินเยอะ

ราศีเมษ

ชาวราศีเมษไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก เพราะมีอะไรให้ทำอยู่ตลอดเวลา ต้องทำโน่นทำนี่ หรือไม่ก็เล่นกีฬา ถ้ามีปัญหาเรื่องการกิน เห็นจะมีอยู่เรื่องเดียว งานยุ่งจน ไม่มีเวลากินอาหารเป็นเรื่องเป็นราว...ชาวราศีนี้รักษาความฟิตได้สบาย ๆ ส่วนข้อเสียที่แก้ไม่หาย คืออดทนกินอะไรติดต่อกันนานเกินควร ฉะนั้นควรดูแลตัวเองให้กินครบ 5 หมู่หน่อยแล้วล่ะ

ราศีพฤษภ

เหมือนกันต้องกินยาขม หม้อโตๆ อย่างงั้นแหละ..เพราะชาวราศีนี้รักการกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารแปลก ๆ หรือ "ถึงเครื่อง" ชาวราศีพฤษภชอบคิดค้นทำเมนูอาหารใหม่ๆ อยู่เสมอเลย ถึงจะสนุกกับการกิน แต่ถ้าต้องลดน้ำหนักก็ทำได้ไม่ยาก....แต่ถ้าวันใดที่รู้สึก หดหู่ หรือรู้สึกแย่ จะทำให้ทานเยอะผิดปรกติ นี่เป็นนิสัยอันตรายนะระวังหน่อย แต่ก็ยังนับว่าโชคดีนะ ที่ดาวพฤหัสในลัคนาทำให้ชาวราศีนี้รักสวยรักงาม คอยดูแลรูปร่างอยู่เสมอ ๆ จะควบคุมน้ำหนัก ได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ ถ้าจำเป็นจริง ๆ

ราศีเเมถุน

ชาวราศีเมถุนไม่ค่อยปล่อยให้ตัวเองหิว แต่โชคดีที่สามารถเผาผลาญพลังงานได้อย่างรวดเร็ว จนไม่มีเหลือเก็บไปพอกตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ชาวราศีเมถุนยังเป็นคนขี้เบื่อ ชอบเปลี่ยนรายการอาหารไปเรื่อย ๆ ฉะนั้น วิธีการกินที่เหมาะสม สำหรับชาวราศีนี้คือ กินมื้อละน้อย ๆ แต่กินบ่อย ๆ

ราศีกรกฎ

ชาวราศีกรกฎชอบทานอาหารพื้น ๆ มากกว่าอาหารแปลก ๆ มักกินมังสวิรัติ หรือไม่ก็กินแต่อาหารธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ชาวราศีนี้มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย พอมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ ก็จะหลบไปหาอะไรทานให้สบายตามลำพัง....ชาวราศีนี้ควรปฏิบัติตามแบบแผนการกินตัวเองจนเป็นนิสัย เมื่อจัดได้ว่าจะกินอะไร ช่วงไหน ก็ควรทำตามนั้น ซึ่งไม่ยากเลยเพราะชาวกรกฏเป็นคนมีระเบียบ และดำเนินชีวิตไปตามที่วางไว้อย่างง่ายดาย อาหารที่เหมาะกันชาวราศีนี้ คืออาหารจำพวกปลาและอาหารเบา ๆ

ราศีสิงห์

ชาวสิงห์ชอบกิน ต้องกินอย่างน้อยสามมื้อต่อวัน แถมยังมีนมเนยบ้างชอบกินของหนัก เน้นปริมาณมากกว่าอาหารหรูดูสวย ชาวสิงห์ชอบกินข้าวนอกบ้านและกินได้ทุกสถานที่ ชาวราศีนี้อ้วนง่ายแต่ก็ลดได้เร็วเนื่องจากเผาผลาญพลังงานได้ดี จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก อาหารที่เหมาะกับชาวราศีสิงห์คืออาหารประเภทไขมันต่ำ

ราศีกันย์

ชาวราศีกันย์เป็นคนเจ้าหลักการ อะไรก็ต้องถูกต้องสมบูรณ์แบบ ก็เลยจู้จี้เรื่องอาหาร มักจะกังวลว่าตัวเองจะกินของไม่ดีเข้าไป ดังนั้นเราจึงมักเห็นชาวราศีนี้ชอบทานมังสวิรัติ นอกจากนนี้ยังวิตกเรื่องสุขภาพของตนจนเกินเหตุ จึงฉลาด เลือกอาหาร และใส่ใจ อาหารเพื่อสุขภาพเสมอ....อย่างไรก็ตาม ชาวราศีนี้มีปัญหาในเรื่องความอ้วนและไม่ค่อยอดทนนัก ควรเลิกทานอาหารที่ให้พลังงานต่ำ และหันมาทานอาหารที่มีกากใยเข้ามาแทน และที่สำคัญ อย่าลืมออกกำลังกายนะ

ราศีตุลย์

ชาวราศีตุลย์ชอบทานอาหารดี ๆ ตามด้วยขนมหวาน ประเภทฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด แถมด้วยช็อคโกแล็ตล้างปากอีกต่างหาก ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมชาวราศีนี้มันมีปัญหาเรื่องส่วนเกินเสมอ ๆ ถ้าจะต้องลดน้ำหนักจริง ๆ ต้องอาศัย ความตั้งใจจริง แรงกระตุ้นอีกเป็นต้น ถึงจะทำได้นะจ๊ะ

ถึงจะรวบรวมกำลังใจลดความอ้วนได้แล้ว ก็ยังอดแวบมาทานขนมหวานไม่ได้หรอก พอได้สติ ชาวราศีนี้จะรู้สึกผิดจนล้มเลิกโครงการลดความอ้วนที่ตัวเองทำอยู่ ถ้าฟังดู คุ้นๆ เหมือนตัวเองเคยทำล่ะก็ คุณจะต้องรู้ขอบเขตของตัวเองบ้าง อย่าให้การกระหน่ำ กินเป็นครั้งคราวมาขัดขวางความพยายามที่ทำมาดีเสียแต่ต้นได้ล่ะ

ชาวราศีตุลย์ชอบการใช้ชีวิตที่สวยงามและสมดุลเป็นที่สุด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการตามใจปาก ไม่ดี แต่ก็อดใจไม่ได้ จนกว่าเข็มเบนเครื่องชั่งจะเพิ่มขึ้นนั่นแหละ ถึงจะพยายามเพลา ๆ ลง

ราศีพิจิก

ชาวราศีพิจิก มองการกินอาหารเป็นเรื่องโรแมนติกที่แสนจะหวาบหวาม ทำให้กระเพาะครากอยู่บ่อย ๆ... ถ้าชอบกินอะไร ก็จะกินทีละเยอะ ๆ อาหารจานโปรดคือ พวกอาหารรสเครื่องเทศ....ชาวราศีนี้ยังชอบลงมือทำเอง ชอบลองทำอาหารใหม่ ๆ เปลี่ยนรสไปเรื่อย ๆ โชคดีที่ชาวราศีพิจิกแข็งแรง มีวินัย และควบคุมความอยากของตัวเองได้ ถ้ารู้สึกว่าตัวเอง เริ่มมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก ก็จะลดทันทีโดยไม่รีรอ แต่บางครั้งเข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป จนทำให้หงุดหงิด

ราศีธนู

ชาวราศีธนูไม่ค่อยอยู่กับที่และรีบเร่งตลอดเวลา ถ้าเดินทางไปประเทศไหน ก็ชอบชิมอาหารพื้นเมืองของประเทศนั้น เป็นประเภทกินเร็ว กินจุ....เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลา ทำให้ชาวราศีนี้ไม่ค่อยคำนึงถึงคุณค่าทางอาหาร หรือเลือกกินเฉพาะอาหารแคลลอรี่ต่ำ เราจึงมักพบเห็นชาวราศีธนู ตามร้านฟาสต์ฟู้ดมากกว่าชาวราศีอื่น



credit: http://horoscope.sanook.com/946533/12-ราศีกับการรับประทาน/
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...