ดร.เรียม เตชะโสภณมณี นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยชาขาวมากว่า 10 ปี และอดีตอาจารย์ประจำภาควิชา Biotechnology, Flavor Technology สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง บอกว่า เก๊กฮวยเป็นพืชล้มลุก ที่มีสรรพคุณเป็น “หยิน” หรือที่อธิบายได้ง่าย ๆ ว่า มีฤทธิ์เย็น แก้กระหาย ระบายความร้อนได้ดี
ขณะที่มีงานวิจัยพบว่า เก๊กฮวยขาว มีคุณสมบัติที่พิเศษกว่าเก๊กฮวยเหลือง ซึ่งเห็นดาษดื่นอยู่ทั่วไป คือ ช่วยดับร้อน แก้ร้อนในได้ดีกว่า รวมทั้งมีวิตามินซีสูง ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง มีส่วนช่วยให้กระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน

การเดินทางค้นหาและศึกษาเรื่องราวของ “ดอกเก๊กฮวยขาว” จึงพบว่า ดอกเก๊กฮวยขาว ยังถูกจำกัดด้วยแหล่งการเพาะปลูก เพื่อให้ได้ดอกเก๊กฮวยขาวที่มีคุณภาพ มีความหอม เหมาะสำหรับการนำไปผลิตเป็นยา และเครื่องดื่ม ตามความนิยมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ เช่น ประเทศจีน ที่นิยมนำไปทำเป็นยา หรือเครื่องดื่มร้อนมายาวนานนับพันปี ส่วนในเมืองไทยเอง คุ้นเคยกับการนำดอกเก๊กฮวยมาทำเป็นเครื่องดื่มร้อน และเย็น
“เก๊กฮวยขาว เป็นตัวแทนจากธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นองค์ประกอบสำคัญหนึ่งในเครื่องดื่มให้มนุษย์ได้บริโภค คุณค่าที่ผู้ดื่มได้รับจึงไม่ใช่เพียงการดับร้อนแก้กระหาย จากคุณสมบัติที่เก๊กฮวยขาวพึงมี แต่ยังมอบความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าให้กลับคืนมา จนก่อเกิดพลังงานอันอ่อนโยนที่ยากจะหาได้จากพืชพรรณสมุนไพรอื่น เก๊กฮวยขาวจึงมีคุณค่าเหนือความคาดหมายที่หลาย ๆ คนรู้จัก”

การค้นพบคุณค่าของทั้งเก๊กฮวยขาว และชาขาว ถือเป็นการค้นพบมหัศจรรย์จากธรรมชาติอันแท้จริง ยิ่งเมื่อนำทั้งสองสิ่งมารวมกัน นอกจากจะได้เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่ยังช่วยเสริมให้ร่างกายดีจากภายในสู่ภายนอกด้วย
“30 ปีที่ทำงาน และออกเดินทางค้นหาแต่สิ่งดี ๆ เพื่อนำมาวิจัยและต่อยอดพัฒนาให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า ซึ่งดอกเก๊กฮวยขาว ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งที่ค้นพบ และประทับใจจนถึงทุกวันนี้ และจุดประกายให้ชีวิต มุ่งมั่นแต่นำเสนอสิ่งที่ดี จนทุกวันนี้สิ่งไม่ดี ทำไม่เป็น”
สุดท้ายแล้ว หากชาขาว เปรียบได้ดั่ง “ราชินีแห่งชา” (Queen of Tea) เก๊กฮวยขาวย่อมไม่แตกต่างกับ “มงกุฎราชินี” ที่เติมเต็มความสมบูรณ์ที่มีคุณ
credit: http://www.jepata.com/