Wednesday, June 29, 2011

ประโยชน์ของผลไม้ "สับปะรด" : Health Benefits of Pineapples

ประโยชน์ของผลไม้ "สับปะรด"

สับปะรด (Pineapple) เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากแถวๆทวีปอเมริกาใต้ ลำต้นมีขนาดสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร การปลูกก็สามารถปลูกได้ง่าย โดยการใช้หน่อหรือที่เป็นส่วนยอดของผลที่เรียกว่า "จุก" มาฝังกลบดินไว้ และออกเป็นผล เปลือกของผลสับปะรดภายนอกมีลักษณะคล้ายตาล้อมรอบผล

สับปะรดเป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ในบ้านเราได้ตลอดทั้งปี มีประโยชน์ต่อสุขภาพจนไม่ควรมองข้าม เรามาทำความรู้จักความดีของสับปะรดกันดีกว่า



1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้น ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ที่สำคัญคือวิตามินซีช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อ และต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้น จึงเป็นการเพิ่มแรงต้านโรคให้แก่ร่างกาย แต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก

2. ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารมาก ซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระ ที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้ สารแอนตี้ออกซิแดนต์ ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย

4. ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ และลดการสูบบุหรี่ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านม เพราะสับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการก่อมะเร็ง และจากการศึกษาพบว่า เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งรังไข่

5. ช่วยป้องกันโรคต่างๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือ จะช่วยลดการเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็ง ได้ถึง 20%
ลิงก์
6. ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจากสับปะรดมีวิตามินซีสูง จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้

7. ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยยับยั้งการอักเสบ ทั้งนี้ ชาวอเมริกาใต้โบราณ ใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล

หมายเหตุ : แม้ว่าสับปะรดจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ควรกินพอประมาณ เช่น วันละหนึ่งชิ้น และกินผลไม้อื่นๆ ให้หลากหลายด้วย เพราะการกินอะไรที่มากเกินไปก็ย่อมให้ผลเสียทั้งนั้น
Health Benefits of Pineapples : ประโยชน์ของผลไม้

สูตรทำ "น้ำสับปะรด"

ส่วนผสม

• เนื้อสับปะรด 240 กรัม (1/4 ผลใหญ่)
• น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนโต๊ะ)
(ใช้สารให้ความหวาน หรือน้ำตาลเทียม 1 ซองเล็กแทนได้ / ถ้าทำวิธีที่ 2 อาจต้องเพิ่มอีก 15 กรัม เนื่องจากเพิ่มน้ำแข็งและน้ำเปล่า)
• เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม (2/5 ช้อนชา)
• น้ำเข็งทุบละเอียด (สำหรับวิธีที่ 2) 240 กรัม (1 1/2 แก้ว)
• น้ำเปล่าสะอาด (สำหรับวิธีที่ 2) 90 กรัม (ประมาณ 1/2 แก้ว)

• วิธีทำ : วิธีที่ 1
นำสับปะรดล้างให้สะอาด ปอกเปลือกล้างน้ำ นำเนื้อสับปะรดคั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำเชื่อม เกลือ ชิมรสตามชอบ

• วิธีทำ : วิธีที่ 2
ใช้เนื้อสับปะรด เหมือนวิธีที่ 1 ใส่เครื่องปั่น เติมเกลือ น้ำเปล่า และน้ำเชื่อม เกลือ จากนั้นเติมน้ำแข็งทุบละเอียด ปั่นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ

ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
คุณค่าทางอาหาร : มีแคลเซียม และฟอสฟอรัสมาก ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน รองลงมามีวิตามินซี ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
คุณค่าทางยา : ช่วยย่อยอาหาร ลดอาการแน่นท้อง ลอดอาการอักเสบ บวม ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ ช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการแผลร้อนในในปาก

ตำรายาไทยใช้เนื้อผลเป็นยาแก้ไอขับเสมหะ เหง้าเป็นยาขับปัสสาวะ แก้นิ่ว พบว่าลำต้นและผลมีเอนไซม์ย่อยโปรตีน ชื่อ bromelain ใช้เป็นยาลดการอักเสบและบวมจากการถูกกระแทก บาดแผล หรือการผ่าตัด


credit:
http://th.wikipedia.org/wiki/สับปะรด
http://www.thaijudge.com/index.php?topic=261.0%3Bwap2
http://202.129.59.73/nana/frwater/pineapple.htm

Monday, June 20, 2011

ภาวะไขมันในเลือดสูง - Know About High Cholesterol

ภาวะไขมันในเลือดสูง หรือ ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

(Know About High Cholesterol)

โคเลสเตอรอลคืออะไร
โคเลสเตอรอล คือ สารไขมันคล้ายขี้ผึ้งที่ปรากฏอยู่ในทุกเซลล์ของร่างกาย โคเลสเตอรอลบางชนิดจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย โดยทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบ ของผนังเซลล์ในร่างกาย และเป็นส่วน-ประกอบสำคัญของฮอร์โมนบางชนิดที่จำเป็นของร่างกาย





ไขมันในเลือด หรือโคเลสเตอรอลมี 3 ชนิด คือ

แอล ดี แอล โคเลสเตอรอล (LDL) เปรียบเสมือน “ตัวผู้ร้าย” ถ้ามีปริมาณมากจะสะสมอยู่ในหลอดเลือดแดง เป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ยิ่งระดับแอล ดี แอล โคเลสเตอรอลสูงมากเท่าไหร่ อัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล (HDL) เปรียบเสมือน “ตำรวจ” คอยจับผู้ร้าย เพราะเป็นตัวกำจัดแอล ดี แอล โคเลสเตอรอล ออกจากหลอดเลือดแดง การมีระดับเอช ดี แอล โคเลสเตอรอลสูง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Heart Disease)

ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride หรือ TG) เป็นไขมันอีกประเภทหนึ่งในกระแสเลือด เปรียบเสมือน “ผู้ช่วยผู้ร้าย” คนที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์สูง พร้อมกับระดับเอช ดี แอล โคเลสเตอรอลต่ำ หรือแอล ดี แอล โคเลสเตอรอลสูง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ

โคเลสเตอรอลในร่างกายมาจากไหน
ตับของร่างกายเราสร้างขึ้น โดยทั่วไปตับจะทำหน้าที่ สร้างโคเลสเตอรอลได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
อาหารที่รับประทานเข้าไป ถ้ารับประทานอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูงเป็นนิสัย ก็อาจเกิดโทษต่อสุขภาพได้ จากโคเลสเตอรอลส่วนเกินที่สะสมอยู่ในร่างกาย โดยเฉพาะในหลอดเลือด

อะไรทำให้โคเลสเตอรอลสูง
มาจากพฤติกรรมการบริโภคของแต่ละคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารไขมันสูง นอกจากนี้เรื่องของกรรมพันธุ์ และโรคเบาหวานยังมีส่วนเกี่ยวข้องอีกด้วย

โคเลสเตอรอลสูงก่อให้เกิดโรคหัวใจได้อย่างไร
ปกติหลอดเลือดจะมีผิวเรียบสม่ำเสมอ แต่เมื่อมี แอล ดี แอล มาจับที่ผนังหลอดเลือดเป็นเวลานานจนกระทั่งพอกตัวหนาขึ้นๆ ก้อนไขมันที่สะสมที่ผนังหลอดเลือดนี้เราเรียกว่า พลัค (plaque) ซึ่งการ-ก่อตัวของพลัคทำให้หลอดเลือดตีบลง ดังนั้นหัวใจจึงต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดให้เคลื่อนที่ผ่านไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ ก้อนพลัคนั้นสามารถขวางกั้นระบบไหลเวียนเลือดในหลอดเลือด และยังสามารถปริแตกตัวออกมา ทำให้เกิดลิ่มเลือดแข็งตัวอุดตันบริเวณพลัคนั้น และเมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจหรือสมอง จะทำให้อวัยวะส่วนนั้นขาดเลือด เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด หรืออัมพาตจากสมองขาดเลือดได้

โคเลสเตอรอลเท่าไรที่เรียกว่าสูง
วิธีดูว่าใครมีโคเลสเตอรอลสูง ทางการแพทย์จะเทียบกับ ค่าระดับ แอล ดี แอล ซึ่งค่าดังกล่าวขึ้นกับว่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจหรือเป็นโรคเบาหวาน หรือไม่ถ้ายังไม่เป็นโรคดังกล่าว ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องคำนึงในการจัดระดับแอล ดี แอล มีอยู่ 6 ประการ
  1. อายุ ชายเกิน 45 ปี หญิงเกิน 55 ปี
  2. มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจก่อนวัยอันควร (ชายก่อนอายุ 55 ปี หญิงก่อนอายุ 65 ปี)
  3. ความดันโลหิตสูง
  4. โรคเบาหวาน
  5. สูบบุหรี่
  6. ค่าเอช ดี แอล น้อยกว่า 40 มก.ต่อดล.

ไขมันโคเลสเตอรอลสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แอล ดี แอล เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคหัวใจขาดเลือด และพบว่ามีการศึกษาวิจัย ยืนยันประสิทธิภาพการรักษาด้วยยาลดไขมันโดยเฉพาะยาในกลุ่ม สเตติน (Statins) ว่าหลังได้รับยาแล้วผู้ป่วยไขมันโคเลสเตอรอลสูงที่เป็นโรคหัวใจ มีอัตราการเสียชีวิตโดยรวมจากโรคหัวใจและโรค หลอดเลือดลดลงมาก

การควบคุมอาหารเต็มที่จะลดระดับโคเลสเตอรอลได้ประมาณร้อยละ 10-15 ซึ่งอาจเพียงพอในผู้ที่มีไขมันสูงบางราย ในขณะที่อาจไม่เพียงพอในผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือผู้ที่เป็นโรคหัวใจที่ควรให้ แอล ดี แอล ต่ำกว่า 100 มก.ต่อดล. ดังนั้นการพิจารณาใช้ยาจึงขึ้นกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ของระดับไขมันโคเลสเตอรอล และดุลยพินิจของแพทย์ อย่างไรก็ตามการรับประทานยาเป็นเพียงการลดโอกาสการเกิดโรค หรือผลแทรกซ้อนทางเลือดเท่านั้น มิได้ป้องกันการเกิดโรค ดังนั้น การรักษาด้วยยาจึงต้องควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย การลดปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างต่อเนื่อง

แนวทางการป้องกันไขมันและคอเลสเตอรอล
  1. บริโภคอาหารครบ 5 หมู่ และหลีกเลียงอาหารที่มีไขมันคอเลสเตอรอลสูง
  2. ไขมันคอเลสเตอรอลลส่วนใหญ่มาจาก ไขมันจากสัตว์และพืชบางชนิด เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว (น้ำมันพืชชนิดอื่น เช่น รำ ถั่วเหลือง ข้าวโพด ไม่มีคอเลสเตอรอล) ดังนั้นหลักสำคัญ ของการลดระดับไขมันในเลือดคือการ ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่เราเห็นๆว่ามีไขมันสูง เช่น หมูสามชั้น เนื้อติดมัน หนังเป็ด หนังไก่ ข้างขาหมู ข้าวมันไก่ กะทิ เนย พิซซา เบอร์เกอร์ เป็นต้น คอเลสเตอรอลยังมีมากในเครื่องในสัตว์ สมองสัตว์ ไข่แดงจากไข่ทุกประเภท (แต่ไม่พบในไข่ขาว) อาหาร ทะเลบางชนิด เช่น กุ้ง ปลาหมึก หอยนางรม มันปู
  3. ควบคุมคอเลสเตอรอล, LDL Cholesteral และไตรกลีเซอไรด์ ไม่ให้สูงเกินมาตรฐาน
  4. เพิ่ม HDL Cholesteral ให้สูง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
  5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว การออกกำลังกายยังทำให้ HDL Cholesteral เพิ่มสูงขึ้นด้วย


อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องภาวะไขมันในเลือดสูง ได้ที่: http://www.yourhealthyguide.com


Sunday, June 12, 2011

Mocktail ม็อกเทล เครื่องดื่มของคนรุ่นใหม่หัวใจไร้แอลกอฮอล์

อาชีพอิสระ: ม็อกเทล น้ำผลไม้ไม่เมา
ม็อกเทลต้นทุนต่อแก้ว จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 20 บาท ส่วนราคาขายก็จะมีตั้งแต่ 40 -60 บาท แล้วแต่สถานที่ ทำเลที่ขาย การทำน้ำผลไม้ขาย ส่วนใหญ่กำไรก็จะ ...
workdeena.blogspot.com/2010/03/blog-post.html

การผสมเครื่องดื่มม็อกเทล พั้นช์ผลไม้ เฟร้ปเป้ และสมูธตี้ส์ อบรมอาชีพสถาบันเอชานซ์ | แก้จนดอทคอม 108อาชีพเสริม
5 ส.ค. 2009 ... 1. ความรู้เกี่ยวกับเครื่องดื่มผสมม็อกเทล พั้นช์ผลไม้ และสมูธตี้ส์. 2. ความรู้เกี่ยวกับน้ำเชื่อมชนิดต่างๆ และผลไม้ประเภทต่างๆ ...
www.keajon.com/mogtel-punch-achance/


ม็อกเทล (Mocktail) เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ เพื่อความสดชื่น ดับกระหายคลายร้อน

ม็อกเทล (Mocktail) คือ เครื่องดื่มประเภทที่ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือมีอยู่บ้างแต่ในปริมาณที่น้อยมาก มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ น้ำเชื่อม น้ำหวานเข้มข้นสีต่างๆ น้ำอัดลม โซดา ฯลฯ เหมาะสำหรับงานปาร์ตี้หรืองานเลี้ยง เพราะคนส่วนใหญ่ตอนนี้ ให้ความสำคัญกับสุขภาพกันมากขึ้น ม็อกเทล (Mocktail) มีกรรมวิธีการทำคล้ายกับค็อกเทล (Cocktail) วิธีการผสมมีหลายแบบ ทั้งการเขย่า คน เท หรือปั่น

การนำส่วนผสมแต่ละชนิดซึ่งมีความแตกต่างกัน ในเรื่องของรสชาติมาผสมให้เข้ากัน ช่วยเพื่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ดับกระหาย คลายร้อน แถมด้วยประโยชน์ของผลไม้ชนิดต่างๆ รสชาติที่ได้เปรี้ยวอมหวาน เหมาะที่จะเป็นเครื่องดื่มที่ใช้รับรองแขกผู้มาเยือนอีกด้วย

สูตรทำ "ม็อกเทลผลไม้"
(จำนวน 5-6 แก้ว)

Mocktail ม็อกเทลผลไม้ส่วนผสม
- แอปเปิลสีเขียว (ผลละ 160 กรัม) หั่นชิ้นเล็กทั้งเปลือก 1/4 ผล
- แอปเปิลสีแดง (ผลละ 160 กรัม) หั่นชิ้นเล็กทั้งเปลือก 1/4 ผล
- องุ่นสีแดงหรือม่วงผ่าครึ่ง 1/2 ถ้วย
- กีวี (ผลละ 100 กรัม) ปลอกเปลือกหั่นชิ้นเล็ก 1 ผล
- สัปปะรดศรีราชา ปลอกเปลือกหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย
- สะระแหน่เด็ดใบ
- น้ำแข็งทุบ
- โซดาแ่เย็นสำหรับท็อปปิ้ง

น้ำส้มผสม (ปริมาณ 3 ถ้วย)
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
- น้ำ 1/2 ถ้วย
- น้ำส้มคัน 3 ถ้วย
- เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ทำน้ำส้มผสมโดยต้ม น้ำตาล กับ น้ำ ในหม้อด้วยไฟกลางค่อนข้างอ่อนพอเดือด นานประมาณ 10-15 นาที ปิดไฟ ยกลง พักไว้ให้เย็น หรือนำไปแช่ในอ่างน้ำเย็นจนคลายความร้อน แล้วใส่น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มคั้น เกลือ และน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน นำไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา พักไว้

2. ใส่ผลไม้ทุกชนิดและใบสะระแหน่ อย่างละเล็กน้อยลงในแก้วน้ำแข็ง ใส่น้ำส้มผสม คนให้เข้ากัน ท็อปปิ้งด้วยโซดาแช่เย็น เสริ์ฟ

หมายเหตุ
หลังจากหั่นแอปเปิลทั้งสองสีเรียบร้อยแล้ว ควรนำไปเคล้ากับน้ำมะนาวเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เนื้อแอปเปิ้ลดำคล้ำ


ที่มา: นิตยสารครัว ฉบับเดือนมิถุนายน 2544

Sunday, June 5, 2011

Salt เกลือ เค็มแต่ดี!

...หลากหลายประโยชน์ที่ได้จากการใช้เกลือ...

เกลือ

คุณรู้หรือไม่ว่า "เกลือ" ที่เราใช้ในการปรุงอาหารกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้มีประโยชน์แค่เพียง ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เกลือยังอุดมไปด้วยสรรพคุณมากมายมหาศาล มาลองดูกันว่า เกลือธรรมดาๆ นี้จะสามารถทำประโยชน์อะไรได้บ้าง








# ใช้ในห้องครัว

ทดสอบความสดของไข่ไก่
เคยหรือไม่ที่ซื้อไข่ไก่มา แต่ไม่แน่ใจว่าไข่ที่ซื้อมานั้นสด สะอาดหรือไม่ ใส่เกลือ 2 ช้อนชาในน้ำสะอาดและแช่ไข่ทิ้งไว้ ถ้าไข่ได้สดจริงจะจมน้ำ แต่หากไข่นั้นไม่สดก็จะลอยน้ำ แต่การที่ไข่ลอยน้ำนี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นไข่เน่า เป็นเพียงแค่ไข่ที่สุกมากขึ้นเท่านั้นเอง

ทำให้อาหารสุกเร็วขึ้น
เพราะเกลือช่วยให้อุณหภูมิของน้ำเดือดเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น ถ้าคุณจะลวกไข่สักฟอง ให้ใส่เกลือลงไปด้วย จะทำให้ไข่สุกเร็วขึ้น และทำให้อาหารอื่น ๆ สุกเร็วขึ้นเช่นกัน

ล้างผลไม้
โดยมากแล้วเรามักจะใช้น้ำมะนาว หรือน้ำส้มสายชู ในการล้างผลไม้ให้สดอยู่เสมอ แต่หากไม่มีทั้งสองอย่างนั้น ก็สามารถใช้น้ำที่ผสมเกลือล้างผลไม้แทนได้นะ

แกะเปลือกถั่วได้ง่ายขึ้น
แช่ถั่วไว้ในน้ำที่ผสมเกลือไว้หลาย ๆ ชั่วโมงก่อนรับประทาน จะช่วยให้แกะเปลือกถั่วได้ง่ายขึ้นเยอะเลย

กันไม่ให้น้ำตาลติดกันเป็นก้อน
เหยาะเกลือเพียงเล็กน้อยบนน้ำตาลไอซิ่ง จะทำให้น้ำตาลไอซิ่งไม่จับตัวกันเป็นก้อน

ขจัดกลิ่นที่ติดมือ
หากล้างมือด้วยสบู่ หรือน้ำสะอาดแล้วยังมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ติดมืออยู่ล่ะก็ ให้ใช้เกลือผสมกับน้ำส้มสายชูล้างมือแทน จะทำให้กลิ่นหายไปได้

ยืดอายุชีส
หากมีชีสเหลืออยู่จากการทำอาหาร วิธีที่ทำให้วันหมดอายุของชีสยืดออกไปอีก ก็คือการนำชีสมาแช่ด้วยน้ำเกลือ ก่อนที่จะนำไปแช่เก็บไว้ในตู้เย็นต่อไป

ลดคราบสกปรกบริเวณก้นหม้อได้
หลังการทำอาหาร บริเวณก้นหม้อมักจะเกิดคราบสกปรกอยู่เสมอ ดังนั้น จึงควรใส่เกลือหนึ่งกำมือ จะทำให้ลดคราบสิ่งสกปรกออกไปได้ และยังทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์จางหายไปด้วยเช่นกัน


# ใช้เกี่ยวกับร่างกาย

ใช้กับแปรงสีฟันก็มีประโยชน์
แช่แปรงสีฟันในน้ำผสมเกลือ ก่อนที่จะใช้งานครั้งแรกจะทำให้ขนแปรงมีความนิ่มและคงทนมากยิ่งขึ้น

Salt เกลือ เค็มแต่ดี!ช่วยทำความสะอาดฟัน
ยาสีฟันหลากหลายยี่ห้อต่างก็มีสูตรที่ผสมเกลือด้วยกันทั้งนั้น เพราะในเกลือมีสารที่ช่วยให้ฟันขาว สะอาด และแข็งแรงมากขึ้น

ทำความสะอาดช่องปากก็ได้ผล
ผสมเกลือกับน้ำโซดา แล้วใช้บ้วนปากจะช่วยขจัดกลิ่นปากได้ นอกจากนั้นแล้วยังช่วยลดปัญหาการเกิดโรคและอาการในช่องปาก เช่น ฟันกร่อน เสียวฟัน ได้ดีอีกด้วย

บรรเทาความปวดอันเนื่องมาจากการถูกผึ้งต่อย
ถ้าโดนผึ้งต่อยให้นำเกลือในปริมาณเล็กน้อยมาทาในบริเวณที่ถูกต่อย จะช่วยบรรเทาความปวดได้

ป้องกันพิษจากยุงและไม้เลื้อยที่ทำให้คัน
แช่น้ำเกลือ และพอกด้วยเกลือผสมน้ำมันมะกอกในบริเวณที่ถูกยุงกัด หรือไปสัมผัสกับไม้เลื้อย จะช่วยให้ลดอาการคันเป็นอย่างดี

ขัดผิวก็เข้าท่า
เกลือช่วยขจัดผิวให้มีความกระจ่างใสได้ ดังนั้นหลังจากที่อาบน้ำแล้ว นำเกลือมาขัดผิวและนวดคลึงเบา ๆ จะทำให้ผิวดูกระจ่างขึ้นมาทันที

บรรเทาอาการเจ็บคอได้ด้วย
ผสมเกลือกับน้ำอุ่น แล้วกลั้วคอ จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บได้ดี


# ใช้ในบริเวณบ้าน

ขวางทางเดินของมด
เพื่อไม่ให้มดเดินเข้าไปทำรังในบ้านของคุณ โรยเกลือไว้ตามบริเวณประตู หน้าต่างหรือในที่ต่าง ๆ ที่มดสามารถเดินผ่านได้ แค่นี้มดก็จะลดน้อยลงนะ

ป้องกันการเกิดเพลิงไหม้
ให้เก็บกล่องที่ใส่เกลือไว้ใกล้ ๆ กับอุปกรณ์เครื่องครัวและตู้อบต่าง ๆ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เกลือสามารถที่จะดับไฟได้

ลดการละลายของเทียน
ถ้าหากคุณนำเทียนแท่งใหม่ ๆ ที่ยังไม่ได้ใช้มาแช่ในน้ำที่ผสมเกลือ จากนั้นเมื่อเทียนแห้ง เทียนจะละลายได้น้อยลงเมื่อคุณจุดเทียนใช้ ถ้าไม่เชื่อลองดูได้เลย

รักษาความสดของดอกไม้
เพื่อรักษาความสดของดอกไม้ให้ใส่เกลือลงไปในแจกัน วิธีนี้จะทำให้ดอกไม้มีความสดที่ยาวนานขึ้น

ซ่อมกำแพง
กำแพงมีรอย หรือมีรู เกลือก็เป็นตัวช่วยที่ดีของคุณ ผสมเกลือ 2 ช้อนโต๊ะเข้ากับแป้งข้าวโพดอีก 2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ คนให้เข้ากัน เท่านี้ก็สามารถนำไปปิดรูหรือลบรอยบนกำแพงได้เลย

กำจัดวัชพืชที่ไม่พึงประสงค์
กำจัดวัชพืชที่ขึ้นรกรุงรังตามลานบ้าน ทางเดิน ด้วยการโรยเกลือให้ทั่ว แล้วรดน้ำตามให้ทั่วหรือจะรอให้ฝนตกก็ได้ เพราะเกลือจะยับยั้งไม่ให้วัชพืชเจริญเติบโต

ลดควันที่เกิดจากการย่างบาร์บีคิว
ถ้าการปาร์ตี้บาร์บีคิวสร้างควันมากมาย มาทำลายบรรยากาศให้เสียลงแล้วละก็ ใส่เกลือลงไปในกองไฟที่ใช้ย่างบาร์บีคิว จะช่วยให้ควันที่ออกมาลดน้อยลงไป


# ใช้เพื่อการทำความสะอาด

Salt เกลือ เค็มแต่ดี!ทำความสะอาดอ่างล้างจาน
เทเกลือผสมกับน้ำร้อนแล้วทำความสะอาดอ่างล้างจาน จะทำให้อ่างมีความสะอาด ไม่มีคราบของความสกปรก และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์

ทำความสะอาดแหวน
หากแหวนที่คุณสวมไม่เงาเหมือนแต่ก่อน ให้ใช้เกลือผสมกับน้ำมันพืชเช็ดแหวน เท่านี้แหวนของคุณก็จะกลับมาเงางามเช่นเดิม

ทำความสะอาดได้ทั้งกระทะและถ้วยต่าง ๆ ได้
หลังจากการประกอบอาหาร คราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ มักจะติดตามอุปกรณ์เครื่องครัวอยู่เสมอ รวมไปถึงตามจานชามและถ้วยต่าง ๆ มากมาย ให้ใช้เกลือผสมน้ำยาล้างจานเช็ดล้าง ทำความสะอาด ก็จะทำให้คราบต่าง ๆ ออกง่ายขึ้น และล้างทำความสะอาดได้ดียิ่งขึ้น

คราบในตู้เย็นก็จัดการได้
ผสมเกลือกับน้ำโซดาเข้าด้วยกัน ก็จะทำให้เช็ดล้าง ขจัดคราบที่อยู่ในตู้เย็นที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานานออกได้ ซึ่งเป็นการป้องกันอาหารในตู้เย็นของคุณ ให้ห่างไกลจากเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี

ทำความสะอาดทองเหลืองหรือทองแดง รวมไปถึงคราบสนิมก็ได้เช่นกัน
ขนาดคราบของสิ่งสกปรกตามกระทะ หม้อ และภาชนะอื่น ๆ ยังสามารถทำความสะอาด เครื่องครัวที่เป็นทองเหลือง ทองแดง หรือเป็นสนิมก็สามารถใช้เกลือทำความสะอาดได้เช่นกัน

จัดการหม้อกาแฟให้สะอาดเอี่ยมก็เป็นเรื่องง่าย
ใส่เกลือและน้ำแข็งก้อนลงไปในหม้อกาแฟ จะช่วยให้ขัดคราบที่ติดอยู่ออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น


# ใช้ซักรีดเสื้อผ้า

ขจัดคราบน้ำที่หกเลอะเสื้อ
โรยเกลือบริเวณคราบที่เลอะทิ้งไว้ก่อนที่จะนำไปซัก โดยเกลือจะทำหน้าที่ซึมซับคราบสกปรกเหล่านั้นออกไป จะทำให้ซักคราบส่วนนั้นออกได้ง่ายยิ่งขึ้น

ช่วยเพิ่มให้สีเสื้อของผ้าสว่างมากยิ่งขึ้น
เกลือจะช่วยขจัดคราบสิ่งสกปรกที่ฝังอยู่ในเนื้อผ้า และจะทำให้สีเสื้อของผ้าสว่างมากยิ่งขึ้น

จัดการกับคราบเหงื่อไคลที่ติดอยู่ได้อย่างชะงัด
ใส่เกลือ 4 ช้อนโต๊ะกับน้ำร้อนอีก 1 ส่วน และใช้ฟองน้ำเช็ดทำความสะอาด คราบเหงื่อไคลที่ติดอยู่ก็จะหลุดออกไปได้ง่ายมากขึ้น

ผ้าที่มีคราบเลือด
จัดการกับคราบเลือดด้วยการแช่ในน้ำเย็นที่ผสมเกลือไว้แล้ว จากนั้นนำไปซักด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ และล้างด้วยน้ำเดือดอีกหลังจากซัก แต่วิธีนี้ควรใช้เฉพาะกับเนื้อผ้าที่เป็นคอตตอน ลินิน หรือเนื้อผ้าที่มีเส้นใยธรรมชาติเท่านั้น ถึงจะทนความร้อนที่สูงได้

กำจัดเชื้อราก็ไม่ใช่ปัญหา
วิธีแก้ปัญหานี้ทำได้ไม่ยาก ด้วยการผสม น้ำมะนาว กับ เกลือ เข้าด้วยกันจากนั้นเทลงไปบริเวณที่เป็นเชื้อรา จากนั้นนำไปตากแดด ซักทำความสะอาด และแห้งตามปกติ

ช่วยทำความสะอาดรอยเตารีด
หากคุณเผลอลืมวางเตารีดค้างบนเสื้อไว้นานเกินไป จนทำให้เสื้อเกิดรอยเตารีด ก็ไม่ต้องตกใจไป วิธีแก้ง่าย ๆ ก็คือโรยเกลือลงบนแผ่นกระดาษและใช้เตารีด รีดทับรอยนั้นไปอีกที

ได้รู้ถึงประโยชน์ที่มากมายของเกลือธรรมดา ๆ นี้แล้ว บอกได้เลยว่าเป็นความรู้ดี ๆ ที่ควรจะรู้ไว้เป็นอย่างยิ่ง ของเขา "เค็มแต่ดี" จริงๆ


info credit: mthai.com

Friday, June 3, 2011

แนะนำอาหารเช้า ที่ควรรับประทาน จากรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง

แนะนำอาหารเช้าที่ควรรับประทาน จากรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง

Healthy Breakfast Ideas

อาหารเช้า เป็นอาหารมื้อที่สำคัญมาก เราไม่ควรอดอาหารเช้า และให้แน่ใจว่าคุณได้ทำอาหารเช้าที่เหมาะสม ให้กับตัวคุณเองได้รับประทานอย่างมีประโยชน์ และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หรือบางคนอาจจะกินอะไรที่เยอะมากไป ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี เพราะนอกจากจะเกินความต้องการของร่างกายแล้ว ก็อาจจะทำให้คุณน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ฉะนั้นคุณควรพิจารณาอาหารเช้าที่ไม่มันจนเกินไป และมีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นธัญพืชต่างๆ จะดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น

แนะนำอาหารเช้าที่ควรรับประทาน จากรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง (วันที่ 1 มิถุนายน 2554)

Wednesday, June 1, 2011

Yin Yang : Create happiness with a balanced diet - สร้างความสุขด้วยสมดุลโภชนาการแบบ หยิน หยาง

สร้างความสุขด้วยสมดุลโภชนาการแบบ หยิน หยาง

ด้วยแนวคิดพื้นฐานของหยินหยางที่ว่า "อาหารแต่ละชนิดมีกระบวนการย่อยแตกต่างกัน" ถ้ารู้จักเลือกกินอาหารที่เข้ากัน ระบบต่างๆ ในร่างกายจะทำหน้าที่ได้เต็มที่ สามารถดูดซึมอาหาร เผาผลาญ และขับของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากเพื่อการเผาผลาญอาหารที่รับประทานเข้าไปให้มีความสมดุลแล้ว ยังส่งผลต่ออารมณ์ และจิตใจด้วย และนี่คือเคล็ดลับการเลือกกิน ดื่ม ที่จะนำมาซึ่งความงามของรูปร่าง ความอ่อนวัยของผิวพรรณ และความยั่งยืนของสุขภาพ

หยินหยางกับอาหารประเภทแป้ง

ไม่ควรกินแป้งกับอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ไม่ควรกินขนมปังที่ทาด้วยแยมราดน้ำผึ้ง หรือโรยน้ำตาล เพราะน้ำตาลจะไปป้องกันการผลิตเอนไซม์ไทอะลินซึ่งทำหน้าที่ย่อยแป้ง ให้เลือกเป็นทาเนยที่ทำจากน้ำมันมะกอก เนยถั่ว หรือชีส

ไม่ควรกินอาหารจำพวกแป้งกับอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด จำพวกผลไม้รสเปรี้ยว น้ำส้มสายชู เช่น กินก๋วยเตี๋ยวห้ามใส่น้ำส้มสายชู เพราะจะไปขัดขวางการหลั่งเอนไซม์ไทอะลิน ซึ่งทำหน้าที่ย่อยแป้ง

หยินหยางกับอาหารประเภทโปรตีน

ไม่ควรกินโปรตีนกับอาหารที่มีไขมัน หรือน้ำตาลสูงในมื้อเดียวกัน เช่น ไม่ควรดื่มน้ำหวานหลังหรือระหว่างกินสเต็ก หรือกินกุ้งชุบแป้งทอดจิ้มน้ำสลัด หรือมายองเนส เพราะโปรตีนจะทำให้ระบบการย่อยน้ำตาลช้าลง ซึ่งน้ำตาลควรได้รับการซึมผ่านเข้าสู่ร่างกายทันทีที่กินเข้าไป และไขมันจะขัดขวางให้การย่อยโปรตีนช้าลง

ไม่ควรกินโปรตีน กับอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดจำพวกผลไม้รสเปรี้ยวในมื้อเดียวกัน เช่น กินไข่ดาว แฮม ตามด้วยน้ำส้ม เป็นต้น เพราะความเป็นกรดจะไปกำจัดการหลั่งของน้ำย่อยเปปซิน ซึ่งมีหน้าที่ย่อยโปรตีน

ไม่ควรกินโปรตีนกับแป้ง เช่น ไข่กับขนมปัง สเต็กกับเฟรนช์ฟราย เพราะความเป็นกรดและด่างที่ต่างกันมาก จะไปขัดขวางระบบการย่อยอาหาร

ไม่ควรกินโปรตีนต่างชนิดในมื้อเดียวกัน เช่น เนื้อวัวกับเนื้อไก่ หรือเนื้อหมูกับเนื้อปลา ให้เลือกกินเนื้อสัตว์ที่อยู่ในประเภทเดียวกัน เช่น เนื้อวัวกับเนื้อแกะ เนื้อไก่กับเนื้อเป็ด เนื้อปลากับเนื้อกุ้ง หรืออาหารทะเลชนิดอื่น

หยินหยางกับผลิตภัณฑ์นม และของหวาน

ไม่ควรดื่มนมหรือโยเกิร์ตพร้อมมื้ออาหาร ซึ่งจะทำให้เกิดแก๊สในช่องท้อง

ไม่ควรกินของหวานหรือผลไม้หลังมื้ออาหาร เพราะจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง

หยินหยางกับสุขภาพในยามเช้า

การอาบน้ำชำระร่างกายในตอนเช้า ควรอาบด้วยน้ำที่อุ่นเล็กน้อย ไม่ควรที่จะให้ร่างกายที่เพิ่งตื่นนอนในตอนเช้าถูกราดรดด้วยน้ำเย็น เพราะในการพักผ่อนที่ผ่านมา ร่างกายเราอยู่ในสภาวะหยิน หรือการนอนหลับมาเป็นเวลานาน จึงต้องปรับชี่ในร่างกายด้วยการอาบน้ำอุ่นเล็กร้อน เพื่อปรับอุณหภูมิร่างกาย อย่างประมาทไปค่ะ มีปรากฎมาแล้ว ตื่นมาสดชื่นดี แต่พอเข้าไปอาบน้ำเย็นยามเช้าเกิดอาการวิงเวียน แบบหน้าจะมืด เพราะร่างกายปรับตัวไม่ทัน เรียกว่า น็อกค่ะ เช้านั้นเลยมึนงงไปทั้งวัน

ตื่นนอนตอนเช้า ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1-2 แก้วค่ะ ถ้าเป็นน้ำอุ่นได้จะดีทีเดียว ก็เพื่อให้เกิดความเป็นหยาง น้ำเย็น น้ำผลไม้แช่เย็น ควรงด

ควรรับประทานอาหารมื้อเช้าเป็นประจำอย่าให้ขาด เพื่อให้พลังงานหยางแก่ร่างกาย ซึ่งทางการแพทย์ได้มีการยืนยันแล้วว่า มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด และมีผลต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว หากมีเวลาควรรับประทานอาหารที่ร้อน ๆ เช่น ข้าวต้ม ข้าวต้มกระดูกหมู หรือข้าวต้มทรงเครื่อง โจ๊ก ต้มเลือดหมู เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวได้รับสารอาหาร ช่วยปรับอุณหภูมิร่างกายให้พร้อมทำงาน หากมีเวลาน้อย แนะนำโอวัลติน ชาร้อน เต้าฮวยน้ำขิง บัวลอยน้ำขิง น้ำเต้าหู้ และต้องทานควบคู่ไปกับปาท่องโก๋ เพราะเครื่องดื่มเป็นกลุ่มอาหารที่เป็นธาตุหยิน แต่ปาท่องโก๋จะเป็นอาหารธาตุหยาง เมื่อทานพร้อมกันจะดีต่อร่างกาย


info credit: http://www.khaosodusaonline.com
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...