Showing posts with label เคล็ดลับ. Show all posts
Showing posts with label เคล็ดลับ. Show all posts

Friday, July 27, 2012

คำว่า บรันช์ (Brunch) มีที่มาอย่างไร?

เคล็ด(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการปรุงอาหาร และงานครัวต่างๆ
(Cooking Tips and Kitchen Tricks)

เรื่อง ของการทำอาหาร งานบ้าน งานครัว จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรารู้เคล็ดลับในการจัดการค่ะ สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านนั้นมีมากมายหลายชนิด ทุกอย่างล้วนมีความสำคัญต่อการใช้ชิวิต ดังนั้นการดูแลทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในครอบครัว โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ต้องสัมผัสกับปากโดยตรงยิ่งต้องดูแลมาก เป็นพิเศษ Food for Health Guide จึงรวบรวม ความรู้ เคล็ด(ไม่)ลับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการปรุงอาหาร ทำอาหาร และงานครัวต่างๆ เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปลองทำกันได้ง่ายๆ มาแนะนำค่ะ

......................................................................................................................................................

คำว่า บรันช์ (Brunch) มีที่มาอย่างไร ?

บรันช์ (Brunch) เป็นอาหารรวบระหว่างมื้อเช้า (breakfast) และ มื้อกลางวัน (lunch) คำก็เป็นคำรวบระหว่างสองคำ คือ Breakfast กับ Lunch (Brunch is a meal eaten between or instead of breakfast and lunch. The word is a portmanteau of breakfast and lunch.)

แรกเริ่มเดิมที คำว่า "Brunch" มาจากอเมริกา คือ การจัดอาหารเช้า และอาหารกลางวัน รวมกัน จะเสริ์ฟระหว่าง 11.00 น. จนถึง 14.00 น. (คือ 11 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 โมง) หรือให้เข้าใจกันง่ายๆ Brunch ก็คือ อาหารที่ควบเอา "อาหารมื้อเช้า" และ "อาหารมื้อกลางวัน" มารวมเป็นมื้อเดียวกันนั่นเอง



โดยปกติคนทั่วไปจะรับประทานมื้อเช้า ไม่ว่าหนักหรือเบาประมาณ 8:00 น. แล้วใช้เวลารับประทานประมาณ 15-30 นาที ซึ่งเป็นเวลาปกติของคนทั่วๆ ไป ซึ่งอาจช้าจนเริ่มประมาณ 9:00 น. แล้วก็จบภายใน 15-30 นาที  มื้อนี้เรียกว่ามื้อเช้า หรือ Breakfast

มื้อกลางวัน (Lunch) จะเริ่มเวลาประมาณ 12:00 น. แล้วจบที่เวลาประมาณ 12:30 น. แต่หากนั่งรับประทานกันไป แล้วคุยเรื่องงานหรืออื่นๆ ไป ก็อาจใช้เวลาสัก 1 ชั่วโมง

แต่ Brunch นั้นเป็นมื้อพิเศษ ตรงที่เริ่มรับประทานช้ากว่าปกติ กินมากกว่าปกติ พร้อมรวบเป็นอาหารกลางวันไปด้วยในตัว เวลากินช้า อาจจะเป็นเพราะตื่นสาย อาหารมื้อแบบนี้ไม่ใช่เป็นปกติ และไม่แนะนำสำหรับคนทั่วไป แต่มันมักจะเกิดจากช่วงเวลาพิเศษ เช่นช่วงวันหลังเฉลิมฉลองอยู่กันดึกพิเศษ แล้วทำให้ตื่นสาย แล้วไหนๆ ก็สายแล้ว ก็เลยสายต่ออีกหน่อย เลยกินมื้ออาหารแบบรวบเลยระหว่างมือเช้ากับมื้อกลางวัน

Brunch มักจะกินกันเวลาสักกึ่งกลางระหว่างมื้อเช้าและมื้อกลางวัน คือราวๆ 9:30-10:30 น. และเป็นวาระพิเศษ ร่วมกินกันหลายๆ คน จะที่บ้านหรือที่ร้านอาหาร แต่มีให้รับประทานกันมากเป็นพิเศษ หรือหากเป็นที่ร้าน ก็มักจะสั่งจานโตสักหน่อย มักจะรับประทานกันในบรรยากาศแบบผ่อนคลายสักเล็กน้อย ส่วนเครื่องดื่ม จะเป็น ชา กาแฟ น้ำผลไม้ เป็นต้น การรับประทานอาหารมื้อ Brunch ตามร้านอาหารของคนตะวันตก มักจะต้องมีกาแฟสด ซึ่งหากกาแฟไม่อร่อย อาหารก็พลอยไม่อร่อยไปด้วย

โดยมากตามโรงงแรม และร้านอาหารจะจัด Brunch เฉพาะวันอาทิตย์หรือวันหยุดเทศกาล อาหารจะมีหลากหลาย ทั้งอาหารมื้อเช้า และอาหารมื้อกลางวันรวมกัน และการจัดจะจัดแบบบุฟเฟต์ ให้แขกเลือกตักกินเองตามใจชอบ นอกจากอาหารบางอย่าง เช่น อาหารจานร้อน จะมีเชฟคอยปรุงให้แขก หรืออาหารประเภทเนื้อก้อนใหญ่ เชฟจะเป็นผู้ตัดให้แขกตามต้องการ ในการบริการจะมีเชฟและผู้บริการคอยดูแลตลอดเวลา ตามหอพักนักศึกษาของอเมริกาจะจัด Brunch ในวันอาทิตย์ ซึ่งบางคนอาจตื่นสาย นั่งกินได้ถึงบ่าย 2 - 3 โมง เลยทีเดียว กินแล้วบางคนไม่กินมื้อเย็นก็มี


ดูเคล็ดลับทั้งหมด | SEE ALL TIPS & TRICKS »


info credit: http://pracob.blogspot.com/

Wednesday, July 25, 2012

เทคนิคการต้มกะทิ ให้สีไม่คล้ำ และไม่แตกมัน

เคล็ด(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการปรุงอาหาร และงานครัวต่างๆ
(Cooking Tips and Kitchen Tricks)

เรื่อง ของการทำอาหาร งานบ้าน งานครัว จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรารู้เคล็ดลับในการจัดการค่ะ สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านนั้นมีมากมายหลายชนิด ทุกอย่างล้วนมีความสำคัญต่อการใช้ชิวิต ดังนั้นการดูแลทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในครอบครัว โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ต้องสัมผัสกับปากโดยตรงยิ่งต้องดูแลมาก เป็นพิเศษ Food for Health Guide จึงรวบรวม ความรู้ เคล็ด(ไม่)ลับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการปรุงอาหาร ทำอาหาร และงานครัวต่างๆ เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปลองทำกันได้ง่ายๆ มาแนะนำค่ะ

......................................................................................................................................................


เรื่องของกะทิ 
(Coconut milk Tricks and Tips)

เคล็ดลับ ความรู้ ในการต้มกะทิ สำหรับผู้ที่ชอบทำแกงกะทิ ขนมหวานที่ใส่กระทิ และผู้ชอบความหวานมันของกะทิ

เทคนิคในการต้มกะทิให้สีไม่คล้ำ

ต้ม กะทิด้วยภาชนะ "เหล็ก" หรือ "สแตนเลส" จะทำให้กะทิมีสีคล้ำ ภาชนะที่จะนำมาต้มกะทิ ควรเลือกภาชนะทองเหลือง หรือหม้อเคลือบ หรือถ้าไม่มีจริงๆ สามารถใช้ภาชนะอลูมิเนียมได้ แต่ห้ามนำภาชนะที่ทำด้วยเหล็กหรือสแตนเลสมาใช้ในการต้มกะทิเด็ดขาด เพราะจะทำให้กะทิของเรามีสีคล้ำ ไม่น่ากินนะจ๊ะ


เทคนิคในการต้มกะทิไม่ให้แตกมัน

1. ในการต้มน้ำกะทิไม่ให้แตกมัน ในการทำขนมด้วยน้ำกะทิ เราไม่นิยมให้กะทิแตกมัน ฉะนั้นเวลาต้มกะทิควรใช้ไฟปานกลางถึงอ่อน และต้องหมั่นคนอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้กะทิแตกมันค่ะ

2. ถ้าต้องการให้กะทิมีสีขาวน่ารับประทาน ควรต้มกะทิแค่ร้อนจัดแต่ไม่ต้องถึงกับเดือด เราก็จะได้กะทิสีขาวน่ารับประทาน แต่ถ้ากลัวกะทิบูดเร็วล่ะก็ ก็ให้ต้มพอใกล้เดือดแล้วปิดไฟทันที

3. กรณีพวกขนมหวานทั้งหลายที่ต้องเอาผลไม้ไปต้มเช่น กล้วยบวดชี ฟักทองบวด ต้องเอาผลไม้ไปต้มน้ำเปล่าให้สุกก่อนนะคะ เพราะการต้มผลไม้ให้สุกในกะทิจะทำให้กะทิแตกมัน ไม่น่ารับประทาน

4. การใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปเล็กน้อยในกะทิ จะทำให้กะทิไม่แตกมัน แต่ขอย้ำนะ อย่าใส่เกิน 1 ช้อนชา เพระมันจะข้นมากอาจทำให้แป้งและกะทิเกาะกันเป็นก้อนได้คะ

6. แป้งที่ดีที่สุดในการใส่กะทิ คือ "แป้งข้าวเจ้า" ถ้าใช้ แป้งมัน หรือ แป้งข้าวโพด ในปริมาณที่เท่ากัน น้ำกะทิจะออกข้น และเหนียวใส ซึ่งต่างจากแป้งข้าวเจ้าที่จะข้นแต่ไม่เหนียว

มาดูผลพิสูจน์ว่า กะทิที่ต้มด้วยหม้อเหล็กหรือสแตนเลส จะสีคล้ำจริงหรือไม่ 
(คลิปจากรายการครัวอินดี้ ช่วง Indy Institute)



เคล็ดลับแถมท้าย...ใคร ที่อยากจะเชื่อม หรือต้มสุกผลไม้ เมื่อเชื่อมสุกแล้ว ควรแช่น้ำเย็นทันที เนื้อผลไม้จะได้ไม่เละ เพราะความร้อนที่ตกค้างในผลไม้ เมื่อเชื่อมเสร็จ ก็ทำน้ำกะทิราดหน้าของหวาน ตามสูตรที่ให้ในเว็บ Food for Health Guide (FHG) นะคะ


ดูเคล็ดลับทั้งหมด | SEE ALL TIPS & TRICKS »

Sunday, July 15, 2012

เคล็ด(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการปรุงอาหาร และงานครัวต่างๆ (Cooking Tips & Kitchen Tricks)

เคล็ด(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการปรุงอาหาร และงานครัวต่างๆ
(Cooking Tips and Kitchen Tricks)


เรื่องของการทำอาหาร งานบ้าน งานครัว จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรารู้เคล็ดลับในการจัดการค่ะ สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านนั้นมีมากมายหลายชนิด ทุกอย่างล้วนมีความสำคัญต่อการใช้ชิวิต ดังนั้นการดูแลทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในครอบครัว โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ต้องสัมผัสกับปากโดยตรงยิ่งต้องดูแลมากเป็นพิเศษ Food for Health Guide จึงรวบรวม ความรู้ เคล็ด(ไม่)ลับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการปรุงอาหาร ทำอาหาร และงานครัวต่างๆ เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปลองทำกันได้ง่ายๆ มาแนะนำค่ะ

......................................................................................................................................................


วิธีทำ “น้ำดีเกลือ” แบบง่ายๆ

สำหรับคนที่ชอบทานเต้าหู้ แล้วต้องการหัดทำเต้าหู้แบบแข็งทานเอง มีส่วนประกอบอย่างหนึ่งที่หายากคือ "ดีเกลือ" ซึ่งเป็นตัวที่จะช่วยให้น้ำถั่วเหลืองของเราตกตะกอนเป็นเต้าหู้นั่นเอง... (อ่านต่อ)
......................................................................................................................................................


“ดีเกลือ” คืออะไร?

“ดีเกลือ” คือสารประกอบ เกลือซัลเฟต ของโซเดียมและแมกนีเซียม แบ่งออกเป็นสองชนิด ซึ่งทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติและลักษณะแต่งต่างกัน คือ... (อ่านต่อ)
......................................................................................................................................................


“เจี๊ยะกอ” คืออะไร?

“เจี๊ยะกอ” ((石膏) เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว) หรือบางคนก็เรียก เอี๊ยะกอ คือ แคลเซียมซัลเฟต (Calcium Sulfate) หรือ หินฝุ่น หรือ ผงยิปซัม... (อ่านต่อ)
......................................................................................................................................................


คำว่า Brunch มีที่มาอย่างไร ?

บรันช์ (Brunch) เป็นอาหารรวบระหว่างมื้อเช้า (breakfast) และ มื้อกลางวัน (lunch) คำก็เป็นคำรวบระหว่างสองคำ คือ Breakfast กับ Lunch (Brunch is a meal eaten between...(อ่านต่อ)
......................................................................................................................................................


เทคนิคการต้มกะทิ ให้สีไม่คล้ำ และไม่แตกมัน

เรื่องของกะทิ(Coconut milk Tricks and Tips)เคล็ดลับ ความรู้ ในการต้มกะทิ สำหรับผู้ที่ชอบทำแกงกะทิ ขนมหวานที่ใส่กระทิ และผู้ชอบความหวานมันของกะทิ... (อ่านต่อ)
......................................................................................................................................................


วิธีเลือกซื้อ และเทคนิคการใช้เขียง

วิธีเลือกซื้อเขียง - ปัจจุบันเรานิยมใช้เขียงสองประเภท คือ เขียงไม้ และเขียงพลาสติก เรามีเทคนิคและวิธีเลือกซื้อเขียง ดังนี้ค่ะ 1. เขียงไม้ ควร เลือกซื้อเขียงที่ทำจากไม้มะขาม เพราะไม้มะขามแข็ง เหนียว และทน โดยให้เลือก... (อ่านต่อ)
......................................................................................................................................................

ไอเดียการเลือกวัสดุที่ใช้ทำ "หม้อ" และ "กระทะ" ให้ถูกกับชนิดของเตา

1. ภาชนะเหล็ก ใช้กับเตาไฟฟ้า เตาแก็ส หรือเตาที่ใช้โลหะนำความร้อน 2. ภาชนะเคลือบ ใช้กับเตาที่เป็นแผ่นแก้วเซรามิกหรือหลอดฮาโลเจน 3. ภาชนะอลูมิเนียมหรือเหล็ก ใช้กับเตาแก็ส เตาไฟฟ้า 4. ภาชนะ... (อ่านต่อ)
......................................................................................................................................................


วิธีแก้กระทะที่เป็นสนิม

วิธีแก้กระทะที่เป็นสนิม - คุณแม่บ้านท่านไหนกำลังหงุดหงิดใจกับกระทะที่เป็นสนิมแล้วขัดยาก ต้องอ่านเรื่องนี้นะคะ เพราะมีวิธีง่าย ๆ ในการแก้ไขค่ะ วิีธีที่ 1 : เพียงแค่ใช้ทรายผสมขี้เถ้าประมาณ 1 - 2 กำมือ ใส่ลงไปในกระทะที่เป็นสนิม... (อ่านต่อ)
......................................................................................................................................................

ขจัดรอยสกปรกคราบสีดำที่ติดกับภาชนะอลูมิเนียม

ภาชนะอลูมิเนียม เมื่อใช้ไปนานๆจะเกิดรอยสกปรกคราบสีดำ ยิ่งถ้าเปื้อนน้ำมันด้วยแล้วจะขัดยากมาก ควรใช้น้ำส้มสายชูผสมกับขี้เถ้า ให้ใส่แป้งสาลีเช็ดให้ทั่ว ทิ้งไว้สักครู่คราบสกปรกจะหลุดออกแล้วจึงขัด... (อ่านต่อ)
......................................................................................................................................................


กระทะใหม่ๆ ทำอย่างไร เวลาทอดจึงจะไม่ติดกระทะ

กระทะใบใหม่ ๆ ที่เราซื้อมา เวลาทำกับข้าวไม่ว่าจะทอดหรือผัด มักจะติดกระทะ เรามีวิธีแก้ไขค่ะ วิธีที่ 1 : เมื่อซื้อกระทะใบใหม่มา ก่อนที่จะมาทำกับข้าวไม่ว่าจะทอดหรือผัด ขอให้หุงข้าวชนิดเช็ดน้ำสักหม้อในวันนั้น แล้วนำน้ำข้าวที่ได้เทลงกระทะใบใหม่ตั้งไฟกลางๆ... (อ่านต่อ)
......................................................................................................................................................


เทคนิกการเลือก "หม้อ" หรือ "กระทะ"

ควรเลือก "หม้อ" หรือ "กระทะ" เหล็กชนิดหนาที่สุด แบบที่มีหูจับ 2 ด้าน เพราะหยิบจับสะดวกกว่า และหูจับควรเป็นไม้เพราะจะได้ไม่นำความร้อน ภาชนะทองแดงเคลือบสแตนเลส แม้จะแพงกว่าภาชนะทองแดงทั่วไป... (อ่านต่อ)
......................................................................................................................................................

Friday, June 22, 2012

วิธีเลือกซื้อ และเทคนิคการใช้เขียง (Chopping board tips)

เคล็ด(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการปรุงอาหาร และงานครัวต่างๆ
(Cooking Tips and Kitchen Tricks)

เรื่อง ของการทำอาหาร งานบ้าน งานครัว จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรารู้เคล็ดลับในการจัดการค่ะ สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านนั้นมีมากมายหลายชนิด ทุกอย่างล้วนมีความสำคัญต่อการใช้ชิวิต ดังนั้นการดูแลทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในครอบครัว โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ต้องสัมผัสกับปากโดยตรงยิ่งต้องดูแลมาก เป็นพิเศษ Food for Health Guide จึงรวบรวม ความรู้ เคล็ด(ไม่)ลับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการปรุงอาหาร ทำอาหาร และงานครัวต่างๆ เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปลองทำกันได้ง่ายๆ มาแนะนำค่ะ

......................................................................................................................................................


วิธีเลือกซื้อ และเทคนิคการใช้เขียง

วิธีเลือกซื้อเขียง
ปัจจุบันเรานิยมใช้เขียงสองประเภท คือ เขียงไม้ และเขียงพลาสติก เรามีเทคนิคและวิธีเลือกซื้อเขียง ดังนี้ค่ะ

1. เขียงไม้ ควร เลือกซื้อเขียงที่ทำจากไม้มะขาม เพราะไม้มะขามแข็ง เหนียว และทน โดยให้เลือกเขียงที่ไส้ไม้ตรงแกนกลางมีขนาดใหญ่ (สีน้ำตาลแก่บริเวณกลางเขียง)

2. เขียงพลาสติก ควร ทำจากพลาสติกอย่างดี เลือกที่มีรูเจาะสำหรับแขวน เพื่อให้ง่ายต่อการล้างเก็บ ข้อดีของเขียงพลาสติก คือ มีน้ำหนักเบา ทนทาน ดูแลรักษาง่าย และสะดวกต่อการใช้งาน

เคล็ดลับสำหรับเขียงใหม่ ให้ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น
โดย ปกติ เมื่อซื้อเขียงมาใหม่ๆ ส่วนใหญ่มักจะล้างให้สะอาดแล้วใช้งานทันที ใช้ได้สักพักก็จะผุ เหม็น และขึ้นรา อายุใช้งานน้อยไม่คุ้มค่าเงิน เรามีวิธีแก้ไขคือ เมื่อเราซื้อเขียงมาใหม่ๆ ให้นำเกลือป่น

หรือ เกลือเม็ด ใส่น้ำพอชุ่มๆ แล้วโรยใส่ไว้บนเขียงให้ทั่ว แล้วนำไปตากแดดจัดๆ สัก 2-3 แดด ก่อนที่จะนำมาใช้ เพียงเท่านี้ก็จะได้เขียงที่แข็งแรง ทนทาน และใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้นค่ะ

เทคนิคการใช้เขียงที่ถูกวิธี มีดังนี้

1. ล้างเขียงให้สะอาดก่อนใช้งานทุกครั้ง เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่อาจตกค้างอยู่บนเขียงจากการใช้งานครั้งก่อน

2. ควรแยกเขียงที่ใช้หั่นอาหารสด เช่นเนื้อสด ผักสด กับเขียงที่ใช้หั่นอาหารสุก ออกจากกันโดยเด็ดขาด เพราะหากใช้ปนกันอาจทำให้เชื้อโรคที่ติดอยู่ในอาหารสด ติดมากับอาหารสุกที่เราบริโภคได้

3. ระหว่างใช้งานไม่ควรใช้ผ้าเช็ดเขียง เพราะอาจมีเชื้อโรคปนอยู่

4. หลังการใช้งานควรล้างเขียงให้สะอาดอีกครั้ง จากนั้นเก็บรักษาเขียงไว้บนที่สูงกว่าพื้น และหมั่นนำเขียงออกผึ่งแดด เพื่อป้องกันเชื้อราที่อาจจะเกิดขึ้น


ดูเคล็ดลับทั้งหมด | SEE ALL TIPS & TRICKS »

Monday, June 18, 2012

ไอเดียการเลือกวัสดุที่ใช้ทำ "หม้อ" และ "กระทะ" ให้ถูกกับชนิดของเตา

เคล็ด(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการปรุงอาหาร และงานครัวต่างๆ
(Cooking Tips and Kitchen Tricks)

เรื่อง ของการทำอาหาร งานบ้าน งานครัว จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรารู้เคล็ดลับในการจัดการค่ะ สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านนั้นมีมากมายหลายชนิด ทุกอย่างล้วนมีความสำคัญต่อการใช้ชิวิต ดังนั้นการดูแลทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในครอบครัว โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ต้องสัมผัสกับปากโดยตรงยิ่งต้องดูแลมาก เป็นพิเศษ Food for Health Guide จึงรวบรวม ความรู้ เคล็ด(ไม่)ลับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการปรุงอาหาร ทำอาหาร และงานครัวต่างๆ เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปลองทำกันได้ง่ายๆ มาแนะนำค่ะ

......................................................................................................................................................

ไอเดียการเลือกวัสดุที่ใช้ทำ "หม้อ" และ "กระทะ" ให้ถูกกับชนิดของเตา

1. ภาชนะเหล็ก ใช้กับเตาไฟฟ้า เตาแก็ส หรือเตาที่ใช้โลหะนำความร้อน

2. ภาชนะเคลือบ ใช้กับเตาที่เป็นแผ่นแก้วเซรามิกหรือหลอดฮาโลเจน

3. ภาชนะอลูมิเนียมหรือเหล็ก ใช้กับเตาแก็ส เตาไฟฟ้า

4. ภาชนะเหล็กผสมทองแดงหรืออลูมิเนียมที่หนาพิเศษ ใช้กับเตาเซรามิก ฮาโลเจน หรือเตาถ่าน

5. ภาชนะแก้ว ใช้ได้กับเตาทุกชนิด

6. ภาชนะทองแดงและดินเผา ใช้ได้ดีกับเตาไฟฟ้า

......................................................................................................................................................

ดูเคล็ดลับทั้งหมด | SEE ALL TIPS & TRICKS »

Saturday, June 16, 2012

วิธีแก้กระทะที่เป็นสนิม

เคล็ด(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการปรุงอาหาร และงานครัวต่างๆ
(Cooking Tips and Kitchen Tricks)

เรื่อง ของการทำอาหาร งานบ้าน งานครัว จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรารู้เคล็ดลับในการจัดการค่ะ สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านนั้นมีมากมายหลายชนิด ทุกอย่างล้วนมีความสำคัญต่อการใช้ชิวิต ดังนั้นการดูแลทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในครอบครัว โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ต้องสัมผัสกับปากโดยตรงยิ่งต้องดูแลมาก เป็นพิเศษ Food for Health Guide จึงรวบรวม ความรู้ เคล็ด(ไม่)ลับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการปรุงอาหาร ทำอาหาร และงานครัวต่างๆ เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปลองทำกันได้ง่ายๆ มาแนะนำค่ะ

......................................................................................................................................................

วิธีแก้กระทะที่เป็นสนิม

คุณแม่บ้านท่านไหนกำลังหงุดหงิดใจกับกระทะที่เป็นสนิมแล้วขัดยาก ต้องอ่านเรื่องนี้นะคะ เพราะมีวิธีง่าย ๆ ในการแก้ไขค่ะ

วิีธีที่ 1 : เพียงแค่ใช้ทรายผสมขี้เถ้าประมาณ 1 - 2 กำมือ ใส่ลงไปในกระทะที่เป็นสนิม จากนั้นน้ำขึ้นตั้งไฟ (โดยไม่ต้องใส่น้ำ) แล้วใช้ทัพพีคนไปเรื่อย ๆ ประมาณ 20 - 30 นาที พอเสร็จนำกระทะไปขัดด้วย ผงซักฟอก ล้างทำความสะอาดอีกที เท่านี้ปัญหาก็จะหมดไปคะ่

วิีธีที่ 2 : อีกวิธีหนึ่ง การเตรียมของอาจจะยุ่งยากสักนิด นั่นคือให้นำหนังหมูติดมันแผ่นเท่าฝ่ามือ และดอกกุยช่ายเอามาสัก 2 - 3 กำมือ ยกกระทะตั้งไฟให้ร้อน เอาหนังหมูด้านที่ติดมันถูให้ทั่วกระทะ และเอาต้นกุยช่ายม้วนเป็นกลมๆ ถูสลับไปมา จนกุยช่ายเป็นสีเหลืองอ่อน จากนั้นล้างน้ำตามปกติค่ะ

......................................................................................................................................................

ดูเคล็ดลับทั้งหมด | SEE ALL TIPS & TRICKS »

Sunday, June 10, 2012

ขจัดรอยสกปรกคราบสีดำที่ติดกับภาชนะอลูมิเนียม

เคล็ด(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการปรุงอาหาร และงานครัวต่างๆ
(Cooking Tips and Kitchen Tricks)

เรื่อง ของการทำอาหาร งานบ้าน งานครัว จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรารู้เคล็ดลับในการจัดการค่ะ สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านนั้นมีมากมายหลายชนิด ทุกอย่างล้วนมีความสำคัญต่อการใช้ชิวิต ดังนั้นการดูแลทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในครอบครัว โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ต้องสัมผัสกับปากโดยตรงยิ่งต้องดูแลมาก เป็นพิเศษ Food for Health Guide จึงรวบรวม ความรู้ เคล็ด(ไม่)ลับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการปรุงอาหาร ทำอาหาร และงานครัวต่างๆ เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปลองทำกันได้ง่ายๆ มาแนะนำค่ะ

......................................................................................................................................................

ขจัดรอยสกปรกคราบสีดำที่ติดกับภาชนะอลูมิเนียม

ภา ชนะอลูมิเนียม เมื่อใช้ไปนานๆจะเกิดรอยสกปรกคราบสีดำ ยิ่งถ้าเปื้อนน้ำมันด้วยแล้วจะขัดยากมาก ควรใช้น้ำส้มสายชูผสมกับขี้เถ้า ให้ใส่แป้งสาลีเช็ดให้ทั่ว ทิ้งไว้สักครู่คราบสกปรกจะหลุดออกแล้วจึงขัดออกล้างให้สะอาดคราบสกปรกและ คราบสีดำก็จะหมดไป



ดูเคล็ดลับทั้งหมด | SEE ALL TIPS & TRICKS »

Friday, June 8, 2012

กระทะใหม่ๆ ทำอย่างไร เวลาทอดจึงจะไม่ติดกระทะ

เคล็ด(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการปรุงอาหาร และงานครัวต่างๆ
(Cooking Tips and Kitchen Tricks)

เรื่อง ของการทำอาหาร งานบ้าน งานครัว จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรารู้เคล็ดลับในการจัดการค่ะ สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านนั้นมีมากมายหลายชนิด ทุกอย่างล้วนมีความสำคัญต่อการใช้ชิวิต ดังนั้นการดูแลทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในครอบครัว โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ต้องสัมผัสกับปากโดยตรงยิ่งต้องดูแลมาก เป็นพิเศษ Food for Health Guide จึงรวบรวม ความรู้ เคล็ด(ไม่)ลับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการปรุงอาหาร ทำอาหาร และงานครัวต่างๆ เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปลองทำกันได้ง่ายๆ มาแนะนำค่ะ

......................................................................................................................................................

กระทะใหม่ๆ ทำอย่างไร เวลาทอดจึงจะไม่ติดกระทะ

กระทะใบใหม่ ๆ ที่เราซื้อมา เวลาทำกับข้าวไม่ว่าจะทอดหรือผัด มักจะติดกระทะ เรามีวิธีแก้ไขค่ะ

วิธีที่ 1 : เมื่อซื้อกระทะใบใหม่มา ก่อนที่จะมาทำกับข้าวไม่ว่าจะทอดหรือผัด ขอให้หุงข้าวชนิดเช็ดน้ำสักหม้อในวันนั้น แล้วนำน้ำข้าวที่ได้เทลงกระทะใบใหม่ตั้งไฟกลางๆ เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนกว่าจะแห้งสนิทเหลือแต่เกล็ด น้ำข้าวที่ติดในกระทะให้ลอกออก แล้วล้างกระทะให้สะอาดด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง เมื่อจะทำกับข้าวต่อไป

วิธีที่ 2 : หากทอดแล้วยังติดกระทะอยู่ให้ลองอีกวิธีหนึ่งคือ ใช้น้ำอุ่นล้างกระทะแล้วเทน้ำทิ้ง นำกระทะขึ้นตั้งไฟให้ร้อน เอาผ้าชุบน้ำมันแตะเกลือ เช็ดถูให้ทั่วกระทะที่ยังร้อนอยู่ เวลาเอามาทอดอาหารต่างๆจะไม่ติดกระทะเลย


ดูเคล็ดลับทั้งหมด | SEE ALL TIPS & TRICKS »

Sunday, June 3, 2012

เทคนิค การเลือก "หม้อ" หรือ "กระทะ" (How to Choose Your Cookware, Pots and Pans))

เคล็ด(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการปรุงอาหาร และงานครัวต่างๆ
(Cooking Tips and Kitchen Tricks)

เรื่อง ของการทำอาหาร งานบ้าน งานครัว จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรารู้เคล็ดลับในการจัดการค่ะ สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านนั้นมีมากมายหลายชนิด ทุกอย่างล้วนมีความสำคัญต่อการใช้ชิวิต ดังนั้นการดูแลทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในครอบครัว โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ต้องสัมผัสกับปากโดยตรงยิ่งต้องดูแลมาก เป็นพิเศษ Food for Health Guide จึงรวบรวม ความรู้ เคล็ด(ไม่)ลับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการปรุงอาหาร ทำอาหาร และงานครัวต่างๆ เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปลองทำกันได้ง่ายๆ มาแนะนำค่ะ

......................................................................................................................................................

เทคนิค การเลือก "หม้อ" หรือ "กระทะ"
(How to Choose Your Cookware, Pots and Pans)

ควรเลือก "หม้อ" หรือ "กระทะ" เหล็กชนิดหนาที่สุด แบบที่มีหูจับ 2 ด้าน เพราะหยิบจับสะดวกกว่า และหูจับควรเป็นไม้เพราะจะได้ไม่นำความร้อน ภาชนะทองแดงเคลือบสแตนเลส แม้จะแพงกว่าภาชนะทองแดงทั่วไป แต่จะทนทานกว่าชนิดเคลือบดีบุก ภาชนะที่ทำจากแก้วทนความร้อนจะใช้งานได้หลากหลายทั้งใช้หุงต้มอาหาร บรรจุอาหารแช่เย็น อุ่นอาหาร และใช้ได้กับเตา ไมโครเวฟ หรือใส่อาหารขึ้นโต็ะก็สวยงาม

ดูเคล็ดลับทั้งหมด | SEE ALL TIPS & TRICKS »

Thursday, December 8, 2011

เคล็ดลับความงาม และประโยชน์ของ "น้ำมันมะพร้าว"

(Health and Beauty benefits of Coconut Oil)

ใครจะรู้ว่า น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ มีประโยชน์ได้มากมายขนาดนี้

"คุณค่า Virgin Coconut Oil น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ 100 %"

ปัจจุบันในแวดวงผู้ที่สนใจดูแลรักษาสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติ กำลังให้ความสนใจนำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติในการดูแลรักษาทนุถนอมผิวพรรณแทนการใช้เครื่อง สำอางบำรุงผิวต่างๆแต่น้ำมันมะพร้าวที่จะนำมาใช้ ควรเป็นน้ำมันมะพร้าวที่บริสุทธิ์ สกัดโดยวิธีธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น สี สารอาหารที่สำคัญต่างๆรวมทั้งคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื่น และการต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยทนุถนอมผิวหนังให้เต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นลบรอยแผลเป็น รอยหมองคล้ำ นอกจากจะนำมาใช้ในการทาผิวพรรณ เพื่อปกป้องผิวพรรณจากแสงแดดและภาพแวดล้อมภายนอกแล้ว ยังใช้ลูบไล้เส้นผมช่วยให้ผมเป็นมันวาว และช่วยถนอมหนังศีรษะ

ในทางหลักของอายุรเวทแนะนำให้นวดตัวด้วยน้ำมันมะพร้าวก็ช่วยปรับสภาพผิวหนัง กระตุ้นการทำงานของระบบหมุนเวียน และระบบประสาท ช่วยคงความอ่อนเยาว์ของผิวหนัง เนื้อเยื่อ และกระดูก แต่น้ำมันที่ใช้ต้องเป็นน้ำมันที่สกัดโดยไม่ใช้ความร้อน และไม่ใช้สารเคมี น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ยังเป็นสารตั้งต้นคุณภาพดีที่ใช้ในการผลิต ครีม โลชั่นบำรุงผิว สบู่ ครีมอาบน้ำ ซึ่งทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มีคุณภาพระดับสูง

การผลิตน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์จะได้มาก็เฉพาะจากการสกัดจากเนื้อมะพร้าวสด ไม่มีการใช้ความร้อน ไม่ใช้สารเคมี (Cold process) จากการทดสอบในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่า น้ำมันมะพร้าวที่สกัดด้วยวิธีธรรมชาติ เป็นน้ำมันมะพร้าวที่มีคุณภาพสูงมาก ยังคงมีกรดลอริค (Lauric acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และมีแร่ธาตุสารอาหารในปริมาณสูง น้ำมันยังคงรักษากลิ่น สี และรสชาติของมะพร้าวอยู่ ไม่สูญเสียไปเหมือนน้ำมันมะพร้าวที่ผ่านการทำให้แห้งและกลั่นจากโรงงาน

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์กับการบำรุงผิวพรรณ

เป็นเวลานานมาแล้วที่หญิงสาวชาวตะวันออก ในประเทศเขตร้อนที่มีมะพร้าวมากจะใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ดูแลผิวหนัง ปกป้องผิวหนังจากแสงแดด น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ที่สกัดด้วยวิธีธรรมชาติ จะยังคงรักษาคุณสมบัติสารให้ความชุ่มชื่น และสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยปกป้องและซ่อมแซมผิวหนัง

เราสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์โดยตรงกับร่างกายได้หลายวิธี เช่น

• ใช้เป็นน้ำมันนวดตัว เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าพร้อมกระชับผิวให้เต่งตึงและนุ่มเนียน
• ให้หมักผมก่อนสระ (หมักทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง) หรือใช้ 1-2 หยด ลูบไล้เส้นผมหลังสระผมช่วยทำให้ผมเป็นเงางามนุ่มสลวย
• ใช้เป็นโลชั่น สามารถใช้เป็นโลชั่นทำความสะอาดเครื่องสำอางบนผิวหน้า ทาผิว ทามือ ทาแขนขา ป้องกันผิวแตกในหน้าหนาว ทาผิวหน้าท้องช่วงตั้งครรภ์เพื่อป้องกันผิวแตกลาย
• ใช้ทาผิวเมื่อเกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง เช่นปรับสภาพผิวที่ถูกแสงแดด
• ทาแผลน้ำร้อนลวก
• แก้โรคผิวหนังต่างๆ แม้แต่เด็กๆก็ใช้ได้

น้ำมันมะพร้าว จะซึมซาบผ่านผิวหนังอย่างรวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะใช้ในปริมาณไม่มาก แต่จะคงอยู่ได้นาน ซึ่งจะต่างจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในท้องตลาด ที่ส่วนประกอบส่วนใหญ่มักจะเป็นน้ำ เช่นโลชั่น (Oil in water) ครีมทาผิว (Water in oil) เมื่อเริ่มใช้จะรู้สึกชุ่มชื้นแต่เมื่อน้ำระเหยหมดผิวก็จะกลับแห้งเหมือน เดิม นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็ต้องมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่ด้วย แต่มักจะใช้น้ำมันที่ผ่านการกลั่นและความร้อนสูงคุณสมบัติทางธรรมชาติของ น้ำมันในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเหล่านี้จึงหายไป

ลองคุยกับปู่ย่าตายาย ถามท่านว่าตอนหนุ่มๆสาวๆท่านมีเคล็ดลับในการดูแลผิวพรรณอย่างไร ท่านเหล่านั้นใช้น้ำมันมะพร้าวนี่เอง ในปัจจุบันไม่เฉพาะในแวดวงคนรักสุขภาพเท่านั้นในแวดวงความสวยความงามก็หันมา ใช้น้ำมันมะพร้าวในการดูแลผิวพรรณกันมาก ดาราภาพยนตร์สาวๆหลายคนก็เคยออกมาเผยเคล็ดลับนี้

ถึงแม้ว่าน้ำมันมะพร้าวจะเป็นน้ำมันที่อยู่คู่กับคนไทยมาเป็นเวลานานแล้ว แต่น้ำมันมะพร้าวที่สกัดด้วยวิธีแบบธรรมชาติกลับห่างหายไป จึงต้องมีการนำเข้าน้ำมันมะพร้าวมาจากต่างประเทศ น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันจากพืชที่คนไทยใช้อุปโภคมาเป็นเวลานานแล้วใช้ทำ น้ำมันสลัด ทำมายองเนส ใช้ในการทำขนมปังกรอบ ทำนมข้นหวาน ไอศกรีม เป็นต้น น้ำมันมะพร้าวที่ผลิตได้ภายในประเทศแต่ละปียังคงถูกใช้เพื่อการบริโภคถึง ร้อยละ 60 ที่เหลือใช้ในอุตสาหกรรมทำสบู่ ผงซักฟอก แชมพู เครื่องสำอาง อุตสาหกรรมพลาสติก ฟอกหนัง ผ้าใบ และใช้เป็นเชื้อเพลิงจุดตะเกียงให้แสงสว่าง

**หมายเหตุ น้ำมันมะพร้าวจะจับตัวเป็นไขที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียสแต่คุณสมบัติต่างๆยังเหมือนเดิม ถ้าจะใช้ทาผิวก็สามารถทาน้ำมันลงบนผิวได้โดยตรงเพราะอุณหภูมิจากร่างกายของ เราจะทำให้น้ำมันมะพร้าวละลายเป็นน้ำมัน แล้วซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังอย่างรวดเร็ว

เคล็ดลับเท้าสวยด้วยน้ำมันมะพร้าว

แม้ว่าคนยุคนี้จะไม่นิยมเดินด้วยเท้าเปล่า แต่ก็ใช่ว่าเท้าของเราจะไม่ต้องการการถนอมรักษาและการถนอมเท้านั้นสิ่งที่ ช่วยได้มากที่สุดและดีที่สุดก็คือ “น้ำมันมะพร้าว” นั่นเองคนโบราณจึงนิยมนำน้ำมันมะพร้าวเพียงเล็กน้อยมาถูทาเท้าก่อนเข้านอน เพื่อช่วยให้เท้านุ่มเนียนขึ้น เพราะน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการบำรุงและช่วยให้เกิดความอ่อนนุ่ม

# ตำหรับอายุรเวทบอกไว้ว่า "วิธีรักษาหูด-ตาปลา" มีสูตรดังนี้คือ

- น้ำมันมะพร้าว 1 ถ้วยตวง
- น้ำมันกรบูร 2 ช้อนโต๊ะ
- และน้ำมันสน 1 ช้อนโต๊ะ

กวนให้เข้ากันแล้วเทใส่ขวดแก้วเก็บไว้ใช้ทาลงบนหูด-ตาปลาวันละ 2 ครั้ง

# ส่วนปัญหา “ส้นเท้าแตก” ตำราบอกไว้ว่า

- ให้ใช้น้ำมันมะพร้าว 1/2 ถ้วยตวง
- กลีเซอรีน 1 ช้อนชา
- และน้ำกุหลาบ 2 ช้อนโต๊ะ

มาเทลงในขวดแก้ว แล้วเขย่าจนเป็นเนื้อเดียวกัน และใช้ทาก่อนนอน เมื่อน้ำมันซึมเข้าสู่ผิวสนิทแล้ว ก็ให้สวมถุงเท้าทับอีกชั้นหนึ่งเพื่อจะทำให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น



credit: http://bannjai.blogspot.com/

Sunday, November 20, 2011

เคล็ดลับในการทานอาหาร เพื่อให้นอนหลับสบายตลอดคืน เคล็ดลับ การทานอาหาร เพื่อให้นอนหลับสบายตลอดคืน (Food tips for sleeping throughout the night)

อาหารทุกมื้อ มีความสำคัญกับการนอน

การนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดของร่างกาย เพราะช่วยเพิ่มและรักษาประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆ ให้สมบูรณ์แข็งแรง ขณะที่ผลเสียของการนอนไม่เพียงพอคือทำให้เซลล์ต่างๆ เสื่อมสภาพ น้ำหนักตัวเพิ่ม ไม่สดชื่น อ่อนล้าและอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ซึ่งหนึ่งในเคล็ดลับที่ทำให้คุณนอนหลับได้ดีก็คือ อาหารทุกมื้อที่คุณรับประทานเข้าไปนั่นเอง

อาหารเช้า
การวางแผนรับประทานอาหารเพื่อการนอนหลับที่ดีนั้น ไม่ได้เริ่มที่มื้อก่อนนอน หรือมื้อเย็นเพียงมื้อเดียว แต่ต้องเตรียมความพร้อมกันตั้งแต่มื้อแรกหรืออาหารเช้ากันเลย เพราะอาหารเช้าที่ดีจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว พร้อมลุย เนื่องจากร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ เราจึงควรรับประทานอาหารประเภทโปรตีน เนื้อสัตว์ ไข่ ข้าว แป้ง รวมทั้งอาหารที่มีไขมันในมื้อเช้ามากกว่ามื้ออื่นๆ ที่สำคัญนอกจากจะรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าและสมองมีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลงแล้ว การไม่ได้รับประทานอาหารเช้าจะทำให้เรารู้สึกหิวมากในมื้อต่อไป และมักจะกินอะไรที่อยู่ตรงหน้า โดยขาดความยับยั้ง

อาหารว่างเช้า
สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือไม่เคยชินกับการรับประทานอาหารเช้าในปริมาณมาก ควรมีอาหารว่างระหว่างมื้อเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย เช่น แซนด์วิช ขนมปัง ซาลาเปา ขนมจีบ หรือผลไม้ต่างๆ ยกเว้นผลไม้ดอง

อาหารกลางวัน
พลังงานของอาหารมื้อนี้ควรน้อยกว่าอาหารมื้อเช้า โดยอาจจะเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงจากข้าว หรือแป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้องงอก ขนมปังโฮลวีท และเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน รวมถึงควรมีผัก และผลไม้เป็นประจำ หรืออาจจะกินขนมสลับบ้างก็ได้ แต่ควรเน้นขนมที่ทำจากถั่ว เช่น ถั่วเขียวต้ม ถั่วแปบ เต้าส่วน เพราะมีแมกนีเซียมสูง ส่วนครื่องดื่มควรหลีกเลี่ยงน้ำหวาน หรือน้ำอัดลมที่มีกาเฟอีนเป็นส่วนผสม

อาหารว่างบ่าย
เป็นมื้อที่มีความสำคัญต่อสุขภาพการนอนที่ดี ดังนั้นตั้งแต่มื้อนี้เป็นต้นไปเราไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนสูง เช่น กาแฟ ชา โกโก้ เครื่องดื่มชูกำลัง แต่ถ้ารู้สึกง่วงให้ดื่มชาเขียวอ่อนๆ แทน หรือจะรับประทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ถั่วต่างๆ ก็ได้ รวมถึงควรเลือกดื่มนมวัวพร่องไขมัน นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต ซึ่งนอกจากจะทำให้อิ่มท้องแล้ว ยังมีแคลเซียมสูง ป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งเป็นปัญหารบกวนการนอนในเวลากลางคืน

อาหารเย็น
เป็นมื้อที่ใกล้เวลานอนที่สุด มีข้อแนะนำที่ควรทำและควรหลีกเลี่ยงเพื่อช่วยให้หลับอย่างสบาย ดังนี้
  • กินอาหารเย็นตรงเวลา เพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชิน และควรกินก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายไม่ต้องทำงานหนักในเวลานอนแล้ว ยังช่วยป้องกันและบรรเทาอาการกรดไหลย้อน ซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพของการนอนเป็นอย่างมาก

  • ลดไขมัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีพลังงานสูง อาหารทีมีฤทธิ์เป็นธาตุร้อน เช่น อาหารทอด อาหารมัน แกงกะทิ ขนมที่มีครีมเข้มข้น อาหารเผ็ดจัด เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารดิบ น้ำอัดลม เพราะอาหารเหล่านี้จะย่อยยาก ร่างกายต้องใช้เวลาในการเผาผลาญนาน ทำให้ร่างกายตื่นตัว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการนอนไม่หลับ ด้วยเหตุนี้มื้อเย็นจึงควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ซึ่งการปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ตุ๋น อย่างเช่น ซุป หรือ แกงจืด จะย่อยง่ายกว่าแกงกะทิ ผัดผัก ดังนั้นจึงควรเลือกปลานึ่ง ไข่ตุ๋น แทนปลาทอด หรือไข่เจียว รวมถึงเลือกเนื้อสัตว์ชนิดที่ไม่มีหนังและมัน สำหรับมื้อเย็น

  • จำกัดปริมาณผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งมักจะมีฤทธิ์ร้อน ทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญมาก ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว เช่น ทุเรียน ลำไย ขนุน ถ้าชอบรับประทานผลไม้เหล่านี้ก็ควรเลื่อนไปเป็นมื้อเช้า หรือมื้อกลางวันแทน นอกจากนี้ยังไม่ควรรับประทานผลไม้แทนอาหารเย็น รวมถึงไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ หรือรับประทานผลไม้ครั้งละมากๆ เพราะสารอาหารหลักของผลไม้คือคาร์โบไฮเดรทหรือน้ำตาล แต่ควรเลือกรับประทานผลไม้แทนขนมหวานที่มีส่วนผสมของกะทิ

  • เคี้ยวอาหารให้ละเอียด มื้อเย็นเป็นมื้อที่มีเวลาในการรับประทานมากกว่ามื้ออื่น จึงถือเป็นช่วงจังหวะที่เราควรเคี้ยวอาหารหลายๆ ครั้ง ซึ่งจะเกิดผลดีต่อร่างกายคือ ทำให้อิ่มง่าย ไม่รบกวนการทำงานของระบบย่อยและดูดซึมของกระเพาะอาหารและลำไส้

  • กินข้าว แป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้องงอก หรือโรยข้าวด้วยจมูกข้าวเป็นประจำทุกมื้อเย็น จะทำให้ร่างกายเก็บสะสมทริปโตเฟน (Tryptophan) และกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในระบบประสาทส่วนกลาง ที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยให้ผ่อนคลายและทำให้นอนหลับได้ดี แต่ต้องรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำ

  • เมนูปลา ถ้าร่างกายมีภาวะเครียดสูงทำให้นอนหลับยาก ดังนั้นลองเลือกเมนูจากปลาทะเล ซึ่งอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 หรือน้ำมันปลา และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่ต่อต้านความเครียด เช่น ข้าวต้มปลา ปลาผัดคี่นไช่ ปลาย่างซีอิ้ว ปลานึ่ง สเต็กปลา เป็นเมนูประจำสำหรับมื้อเย็น

  • ลดโซเดียม เกลือหรือโซเดียมทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ส่งผลให้ร่างกายกระสับกระส่ายนอนหลับยากขึ้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทีมีโซเดียมสูง เช่น ผลไม้ดอง ปลาเค็ม กุ้งแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มันฝรั่งทอดกรอบ รวมถึงการปรุงอาหารเค็มจัดและใส่ผงชูรสปริมาณมากด้วย

นอกจากความสำคัญของอาหารทุกมื้อแล้ว ยังมีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ ที่อาจจะช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้นดังนี้
  • ผลไม้ที่ช่วยให้หลับสบาย ได้แก่ กล้วย อินทผลัม ลูกพรุน ซึ่งอุดมไปด้วยกรดอะมิโนทริปโตเฟน โดยสมองจะนำทริปโตเฟนไปสร้างสารเซโรโทนิน (serotonin) ซึ่งถ้าร่างกายมีสารตัวนี้เพียงพอ ก็จะเพิ่มการหลั่งของฮอร์โมนเมลาโทนิน (melatonin) ซึ่งช่วยในการควบคุมการนอนหลับ ให้มีมากขึ้น ร่างกายจะรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด อารมณ์ดี นอนหลับสนิทตลอดคืน โดยนอกจากในผลไม้แล้ว ทริปโตเฟนยังพบมากในนม เผือก มัน สาหร่ายทะเล และงา

  • เพิ่มวิตามิน B6 B12 เพราะวิตามินบี 6 มีความสำคัญในการสังเคราะห์เซโรโทนิน ขณะที่วิตามินบี 12 จะช่วยลดอาการนอนไม่หลับ ซึ่งเมนูที่มีวิตามิน 2 ตัวนี้สูงก็คือ ข้าวโอ๊ตใส่นมสดและกล้วยหอม ซุปไก่มันฝรั่ง และตับบด

  • เครื่องดื่มและน้ำ ควรดื่มวันละ 6-8 แก้ว แต่อย่าดื่มมากก่อนเข้านอน เพราะอาจจะต้องลุกมาเข้าห้องน้ำกลางดึก ทำให้นอนต่อไม่ได้ ส่วนเครื่องดื่มที่ช่วยให้หลับสบาย ได้แก่ น้ำเก๊กฮวย ชาคาโมมายด์ น้ำมะตูมอุ่นๆ น้ำข้าวต้ม น้ำงาดำโดยผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย น้ำผึ้งซึ่งเป็นยาคลายเครียดอย่างอ่อนๆ จากธรรมชาติ

(Article: แววตา เอกชาวนา นักโภชนาการ)
credit: http://www.healthtoday.net/thailand/nutrition/nutrition_128.html
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...